มองต่างมุมอย่างคนคิดบวก
เมื่อครั้งก่อนได้เคยเขียนไปว่า
การคิดบวกเป็นเรื่องง่ายที่คนเราชอบทำเป็นเรื่องยาก บางครั้งการเปลี่ยนความคิดก็เป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนบางคน ทั้งๆที่บางครั้งในสิ่งเดียวกันเราสามารถมองได้ถึง ๒ แบบ ทั้งแบบลบและแบบบวก มีคนบอกว่า แก้วน้ำใบหนึ่งมีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว คนหนึ่งเห็นอาจบอกว่า มีน้ำ"แค่"ครึ่งแก้ว ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจบอกว่า มีน้ำ"ตั้ง"ครึ่งแก้ว แค่พยางค์เดียวที่แตกต่างกัน ระหว่างคำว่า "แค่"กับ"ตั้ง" แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง แค่ครึ่งแก้วกับตั้งครึ่งแก้วสะท้อนถึงมุมมองของคนที่พูดได้อย่างเห็นได้ชัด เพราะมุมมองที่แตกต่างกัน เราจึงมองเห็นภาพๆหนึ่งแตกต่างกัน คนส่วนใหญ่เมื่อต้องเผชิญกับปัญหา หรือเมื่ออยู่ในภาวะทุกข์ใจ มักจะจำกัดความคิดถึงแต่ความผิดพลาด ความล้มเหลว ชอบเปรียบเทียบ ชอบคิดว่าปัญหาของตนเองนั้นเป็นปัญหาใหญ่ เป็นเรื่องที่ลำบากมาก ทุกข์ทรมานมาก มักจะมองเห็นแต่เรื่องของตนเองจนลืมมองเห็นความทุกข์ของคนอื่น หากเราเปลี่ยนมุมมองสักนิด เปิดจุดโฟกัสของสายตาให้กว้างอีกหน่อย ลองพาตัวเองออกมาสู่โลกกว้าง คุณอาจจะได้เจอผู้คนที่เค้าทุกข์ทรมานกว่าคุณหลายเท่านัก ทุกข์ของคุณอาจแค่โดนเจ้านายบ่น ทุกข์ของคุณอาจเป็นแค่หมุนเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถไม่ทัน ในขณะที่ทุกข์ของคนอื่นอาจไม่มีที่ซุกหัวนอน ทุกข์ของคนอื่นไม่โอกาสได้เรียนหนังสือ ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของสมบัติใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งอาหารยาไส้ หากคิดได้อย่างนี้คุณจะรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้คุณเป็นคุณได้อย่างทุกวันนี้ บางครั้งคนเราก็ต้องสร้างมุมมองใหม่ให้กับชีวิต เป็นมุมมองที่ไม่ทุกข์ ไม่ต้องหาความสุขจากที่ไหนหรอกค่ะ แค่คุณเปลี่ยนมุมมองในชีวิต มองต่างมุมอย่างคนคิดบวก แล้วคุณจะได้รู้สึกได้ว่า คุณเป็นคนโชคดีที่มีความสุขได้กับทุกๆสถานการณ์ คุณเป็นคนโชคดีที่มีความสุขได้กับทุกๆสิ่งรอบๆตัวคุณ ลองเปลี่ยนมุมมองดูบ้างสิค่ะ เราจะได้สร้างสังคมแห่งความสุขด้วยกัน คบเพื่อนคิดบวกเพื่อสร้างนิสัยการคิดเชิงบวก "คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล" ก็ยังใช้ได้กับสังคมไทยในทุกยุคทุกสมัยนะครับ เช่นเดียวกันกับการที่เราจะพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่มีความคิดเชิงบวก เราก็คงจะต้องถือคติ "คบคนคิดลบ คนคิดลบจะพาไปหาทุกข์ คบคนคิดบวก คนคิดบวกจะพาไปหาโอกาสแห่งความสุข" ถึงแม้จะไม่เหมือนแต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้นะครับ ถ้าเพื่อนๆหรือคนรอบข้างของเราเป็นคนคิดลบ นินทาคนอื่นทั้งวัน คิดแต่สิ่งที่ไม่ดี ชอบมองโลกในแง่ลบ คิดว่าคนอื่นไม่ดี(ตัวเองดีอยู่คนเดียว) มองอะไรไม่ค่อยสร้างสรรค์ วันๆเอาแต่ติแบบไม่ก่อ รับรองได้ว่าวันๆชีวิตเราจะมีแต่เรื่องลบๆเข้ามาเก็บไว้ในหัวและในใจ คงไม่ต่างอะไรจากถังขยะที่ใส่แต่สิ่งที่ไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเพื่อนๆหรือคนรอบข้างของเรามีแต่คนคิดบวก คิดสร้างสรรค์ เป็นคนที่มองทุกอย่างเป็นโอกาส เป็นคนที่สรรหาแต่สิ่งดีๆเข้าในชีวิต เช่น วันๆก็คุยกันเรื่องที่ดีๆ เรื่องที่สร้างกำลังใจ เรื่องพัฒนาคน ปรับปรุงงาน เรื่องชื่นชมความดีของคนอื่น ชื่นชมความสำเร็จของคนอื่น เล่าสู่กันฟังเรื่องความภูมิใจในชีวิตของตัวเอง ฯลฯ รับรองได้ว่าเรามีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในหัวและในใจอย่างแน่นอน เมื่อเราอยู่ในสังคมที่เป็นบวกไปนานๆ เราก็จะปรับตัวและซึมซับเอาลักษณะการคิดเชิงบวกเข้ามาโดยไม่รู้ตัว ดังนั้น ถ้าใครต้องการที่จะพัฒนาตนเองให้กลายเป็นคนคิดเชิงบวก อย่างแรกสุดคือการเลือกคบคน เลือกอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เป็นคนคิดเชิงบวกก่อน เท่ากับเป็นการเลือกสภาพแวดล้อมก่อน ก่อนที่จะเข้ามาพัฒนาที่ตัวของเราเองในลำดับต่อไป ขอบคุณข้อมูลจาก http://gotoknow.org/blog/positive/120319 |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น