วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2559

มองต่างมุมอย่างคนคิดบวก

มองต่างมุมอย่างคนคิดบวก

เมื่อครั้งก่อนได้เคยเขียนไปว่า 
การคิดบวกเป็นเรื่องง่ายที่คนเราชอบทำเป็นเรื่องยาก 
บางครั้งการเปลี่ยนความคิดก็เป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนบางคน 
ทั้งๆที่บางครั้งในสิ่งเดียวกันเราสามารถมองได้ถึง ๒ แบบ ทั้งแบบลบและแบบบวก 
มีคนบอกว่า แก้วน้ำใบหนึ่งมีน้ำอยู่ครึ่งแก้ว 
คนหนึ่งเห็นอาจบอกว่า มีน้ำ"แค่"ครึ่งแก้ว 
ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจบอกว่า มีน้ำ"ตั้ง"ครึ่งแก้ว 
แค่พยางค์เดียวที่แตกต่างกัน ระหว่างคำว่า "แค่"กับ"ตั้ง" แต่กลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง 
แค่ครึ่งแก้วกับตั้งครึ่งแก้วสะท้อนถึงมุมมองของคนที่พูดได้อย่างเห็นได้ชัด 
เพราะมุมมองที่แตกต่างกัน เราจึงมองเห็นภาพๆหนึ่งแตกต่างกัน 
คนส่วนใหญ่เมื่อต้องเผชิญกับปัญหา หรือเมื่ออยู่ในภาวะทุกข์ใจ 
มักจะจำกัดความคิดถึงแต่ความผิดพลาด ความล้มเหลว ชอบเปรียบเทียบ
ชอบคิดว่าปัญหาของตนเองนั้นเป็นปัญหาใหญ่ เป็นเรื่องที่ลำบากมาก ทุกข์ทรมานมาก
มักจะมองเห็นแต่เรื่องของตนเองจนลืมมองเห็นความทุกข์ของคนอื่น 
หากเราเปลี่ยนมุมมองสักนิด เปิดจุดโฟกัสของสายตาให้กว้างอีกหน่อย
ลองพาตัวเองออกมาสู่โลกกว้าง คุณอาจจะได้เจอผู้คนที่เค้าทุกข์ทรมานกว่าคุณหลายเท่านัก 
ทุกข์ของคุณอาจแค่โดนเจ้านายบ่น
ทุกข์ของคุณอาจเป็นแค่หมุนเงินผ่อนบ้าน ผ่อนรถไม่ทัน 
ในขณะที่ทุกข์ของคนอื่นอาจไม่มีที่ซุกหัวนอน 
ทุกข์ของคนอื่นไม่โอกาสได้เรียนหนังสือ ไม่มีโอกาสได้เป็นเจ้าของสมบัติใดๆ 
ไม่มีแม้กระทั่งอาหารยาไส้
หากคิดได้อย่างนี้คุณจะรู้สึกขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้คุณเป็นคุณได้อย่างทุกวันนี้
บางครั้งคนเราก็ต้องสร้างมุมมองใหม่ให้กับชีวิต เป็นมุมมองที่ไม่ทุกข์ 
ไม่ต้องหาความสุขจากที่ไหนหรอกค่ะ แค่คุณเปลี่ยนมุมมองในชีวิต 
มองต่างมุมอย่างคนคิดบวก แล้วคุณจะได้รู้สึกได้ว่า คุณเป็นคนโชคดีที่มีความสุขได้กับทุกๆสถานการณ์
คุณเป็นคนโชคดีที่มีความสุขได้กับทุกๆสิ่งรอบๆตัวคุณ
ลองเปลี่ยนมุมมองดูบ้างสิค่ะ เราจะได้สร้างสังคมแห่งความสุขด้วยกัน
คบเพื่อนคิดบวกเพื่อสร้างนิสัยการคิดเชิงบวก 
"คบคนพาล พาลพาไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล" 
ก็ยังใช้ได้กับสังคมไทยในทุกยุคทุกสมัยนะครับ
เช่นเดียวกันกับการที่เราจะพัฒนาตนเองให้เป็นคนที่มีความคิดเชิงบวก
เราก็คงจะต้องถือคติ "คบคนคิดลบ คนคิดลบจะพาไปหาทุกข์ 
คบคนคิดบวก คนคิดบวกจะพาไปหาโอกาสแห่งความสุข"
ถึงแม้จะไม่เหมือนแต่ก็พอกล้อมแกล้มไปได้นะครับ
ถ้าเพื่อนๆหรือคนรอบข้างของเราเป็นคนคิดลบ 
นินทาคนอื่นทั้งวัน คิดแต่สิ่งที่ไม่ดี ชอบมองโลกในแง่ลบ 
คิดว่าคนอื่นไม่ดี(ตัวเองดีอยู่คนเดียว) มองอะไรไม่ค่อยสร้างสรรค์ 
วันๆเอาแต่ติแบบไม่ก่อ
รับรองได้ว่าวันๆชีวิตเราจะมีแต่เรื่องลบๆเข้ามาเก็บไว้ในหัวและในใจ 
คงไม่ต่างอะไรจากถังขยะที่ใส่แต่สิ่งที่ไม่มีประโยชน์
แต่ถ้าเพื่อนๆหรือคนรอบข้างของเรามีแต่คนคิดบวก
คิดสร้างสรรค์ เป็นคนที่มองทุกอย่างเป็นโอกาส เป็นคนที่สรรหาแต่สิ่งดีๆเข้าในชีวิต 
เช่น วันๆก็คุยกันเรื่องที่ดีๆ เรื่องที่สร้างกำลังใจ 
เรื่องพัฒนาคน ปรับปรุงงาน เรื่องชื่นชมความดีของคนอื่น
ชื่นชมความสำเร็จของคนอื่น เล่าสู่กันฟังเรื่องความภูมิใจในชีวิตของตัวเอง ฯลฯ 
รับรองได้ว่าเรามีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในหัวและในใจอย่างแน่นอน 
เมื่อเราอยู่ในสังคมที่เป็นบวกไปนานๆ 
เราก็จะปรับตัวและซึมซับเอาลักษณะการคิดเชิงบวกเข้ามาโดยไม่รู้ตัว
ดังนั้น ถ้าใครต้องการที่จะพัฒนาตนเองให้กลายเป็นคนคิดเชิงบวก
อย่างแรกสุดคือการเลือกคบคน เลือกอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่เป็นคนคิดเชิงบวกก่อน
เท่ากับเป็นการเลือกสภาพแวดล้อมก่อน 
ก่อนที่จะเข้ามาพัฒนาที่ตัวของเราเองในลำดับต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก http://gotoknow.org/blog/positive/120319 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น