วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

คนเราพบเจอกัน

คนเราพบเจอกัน

เพื่อสร้างความทรงจำ

และไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว

เราทุกคนก็ต้อง

จากกันไป...ในที่สุด

พิษเศรษฐกิจ..ช่วงโควิท19





ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า

รีบๆๆออกไปหา

ซื้อของขวัญให้เธอซะหน่อย

เดินจนเหงื่อเริ่มไหลย้อย

ได้กุหลาบสีหวานจ๋อย

พร้อมด้วยช็อคโกแลตแท่งโต

เธอยิ้มหวานจนแก้มปริ

อยู่สองวัน กุหลาบนั้นเริ่มเฉา

แห้งเหี่ยว (แห้งเหี่ยว)

ทิ้งไป (ทิ้งไป) โยนทิ้งไป

เก็บแต่ช็อคโกแลตไว้

ข้างที่นอนหลับตาฝัน

ฝันแล้วคิดถึงกันทุกคืน

เก็บไว้นานเลยเหม็นหืน

กลายเป็นอื่นหมดความหมาย

ไม่ทันไรก็คงขึ้นรา

ขืนทิ้งไว้นานก็บูด

หมดความหอม

คงไม่หวานดังเดิม

ไร้ค่า (ไร้ค่า) ทิ้งไป (ทิ้งไป)

โยนทิ้งไป


ฉันไม่รู้เมื่อไร

จะเป็นรายต่อไป

ที่ถูกทิ้งลงถ้าสิ้นความหมาย

ตอนนี้ยังชื่นใจ จึงอยากคบไป

ถ้าเบื่อเมื่อใดสัมพันธ์แปรเปลี่ยน

ฉันไม่รู้เมื่อไร

จะเป็นรายต่อไป

ที่ถูกทิ้งลง ถ้าสิ้นความหมาย

ตอนนี้ยังชื่นใจ จึงอยากคบไป

ถ้าเบื่อเมื่อใดสัมพันธ์แปรเปลี่ยน

เปลี่ยนความรู้สึก

คนเราก็แปลก

หากหมดความหมาย

หมดผลประโยชน์

ความสัมพันธ์ ที่เคยให้กัน

ก็เริ่มแปรผันเป็นอนิจจัง

ฉันไม่รู้เมื่อไร

จะเป็นรายต่อไป

ที่ถูกทิ้งลงถ้าสิ้นความหมาย

ตอนนี้ยังชื่นใจ จึงอยากคบไป

ถ้าเบื่อเมื่อใดสัมพันธ์แปรเปลี่ยน

ฉันไม่รู้เมื่อไร จะเป็นรายต่อไป

ที่ถูกทิ้งลงถ้าสิ้นความหมาย

ตอนนี้ยังชื่นใจ จึงอยากคบไป

ถ้าเบื่อเมื่อใดสัมพันธ์แปรเปลี่ยน

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดินทีละก้าว กินข้าว ทีละคำ

บางทีนะ...คนเก่งๆ เค้าก็ทำตัวเหมือนกับพวกเรานี่แหละ

เดินทีละก้าว กินข้าว ทีละคำ ทำทีละอย่าง

พระราชดำรัส: หลักคิดของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 
ที่ใช้เตือนสติเวลาที่เรามีปัญหาถาโถมเข้ามา เริ่มเกิดความเครียด ก็คือ ค่อยเดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ แล้วทำทีละอย่าง

ค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำเดี๋ยวมันก็เสร็จ และก็ให้คิดว่า เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ เมื่อทำอย่างดีที่สุด และสุดความสามารถแล้ว หากจะเกิดปัญหาก็ต้องยอมรับและแก้ปัญหาไปทีละเรื่อง โดยไม่ต้องกังวลไปล่วงหน้า ทำสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุด


ฝึกที่จะ FOCUS งานก็จะสำเร็จไปทีละเรื่อง 
มีความคืบหน้า เริ่มเข้าสู่เป้าหมายใกล้ความสำเร็จ
ทะยอยก่อนแล้วค่อยทะยาน อยากจะทะยาน ใจร้อน รีบให้เสร็จเร็วผลงานออกมาไม่ดี งานที่ทำก็ฝึกจิตให้อดทน มุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำ

ถึงเวลากินก็ต้องกิน 
ถึงเวลานอนก็ต้องนอน 
สุขภาพไม่แย่ 

สามารถแก้ปัญหาต่อไปได้ เพราะคนเราเก่งแค่ไหนก็กินข้าวได้ทีละคำ ค่ะ

ฉันเลือกจำแต่คนดีๆ



ในชีวิตฉันชอบจำแต่คนดีดี
 
  • ชีวิตฉันไม่มีพื้นที่
  • จดจำคนใจร้าย
  • จำไม่ได้จริงจริง
  • ก็ไม่รู้เลยว่าใคร
  • ที่โทรมามีเรื่องอะไร
  • เป็นอะไรมาคิดถึงฉัน

 
  • เราเคยรักกันเหรอ
  • รักแล้วเพราะใครถึงเลิกกัน
  • ถามเฉยเฉยเผื่อรู้ตัวการ
  • ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร

จำ...ฉันจำแต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับฉัน

ลืม..ฉันลืมไปแล้ว..ชื่อเธอ 

ขอโทษนะที่ไม่จำ



วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

มันดีกว่าที่คิด Ost. อกเกือบหักแอบรักคุณสามี | ระนาดเอก | Fino the Ranad





*มันดีกว่าที่คิด มันดีต่อหัวใจ

เพราะเธอเลยใช่ไหม หัวใจเลยปั่นป่วน

เคยปิดมันเอาไว้ไม่ให้ใคร สุดท้ายใจก็รวน

ยิ้มเธอคอยมาป่วน จนต้องรักเพียงแค่เธอคนเดียว



ก่อนนั้นอยากใช้ชีวิตลำพัง ไม่ต้องฟัง ไม่ต้องห่วงไม่ต้องแคร์อะไร

ชีวิตสบายไม่มีใครก็ไม่ตาย

I Don’t Cry.ไม่มีใคร ก็ไม่มีภาระ

ไม่ต้องจิ๊ไม่ต้องจ๊ะไม่ต้องมีนะครับ

จนวันนี้ได้รู้จักความรักก็เพราะเธอ



มีคนห่วงไยให้คอยคิดถึง เพิ่งรู้ว่ามันช่างดีแบบนี้

Oh Baby,I love you คำนี้เพิ่งเข้าใจ

ถ้ารู้แบบนี้คงจะรักนานแล้ว คู่กันไม่แคล้วไม่ต้องเหงาตาย

เพิ่งรู้ว่าหัวใจต้องการแค่เพียงเธอ



(ซ้ำ *)



Rap

ก็บอกไม่ถูกมันคือความรักใช่ไหม

แต่แบบว่าบอกไม่ได้แต่มันก็รู้สึกดี

บาทีก็ห่วงบางทีก็เศร้าบาทีก็เหงา

ภาพเธอคอยมาป่วนทำไงล่ะทีนี้

เฮ้อ...แต่มันก็ดีกว่าหายใจทิ้งไปวันวัน

ให้ใจมันสั่นก็หวั่นหวั่น

แต่มันก็ดีเหมือนกัน


หนีปัญหา

เช้านี้มีปัญหาที่ยากเกินจะแก้ไข

ชีวิตที่ปรึกษาเนี่ย...
บางครั้ง...บางที ก็ใช้วิธีการหนีปัญหามากกว่าการแก้ปัญหา55



เค้าเรียกว่าออกมาตั้งหลักต่างหาก

ดังคำพูดของท่านพลเอกชาติชาย ชณหะวัณ ที่กล่าวไว้ว่า 

ปัญหาในโลกนี้ มี 2 แบบ
แบบแก้ไขได้ กับ แบบแก้ไขไม่ได้


และพอดีมีวิชาหนึ่งซึ่งร่ำเรียนมาจากหนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก

วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก (Leadership and Self-Deception)

จึงคิดได้ว่า

หากเราต้องการเอาตะเกียบคีบภูเขาไฟ ... 

ล่ะก็

''ไม่เห็นจะยากเลย' เราแค่ถอยออกมาหลายๆ ก้าว 
มองไปที่ภูเขาไฟฟูจิ หยิบตะเกียบขึ้นมาใกล้ๆ ตา แค่นี้ ..."


#นักบัญชี  
#นักกฏหมาย
#ทนายความ

คนที่รับผิดชอบต้นเรื่องคงหนีไม่พ้น นักบัญชี


No alt text provided for this image

เรามาร้องเพลงตอนเด็กๆ พร้อมกันนะ 

ฝนเอยทำไมจึงตก..ทำไมจะไม่ตก...เพราะว่ากบมันร้อง
กบเอยทำไมจึงร้อง..ทำไมจะไม่ร้อง...เพราะว่าท้องมันปวด
ท้องเอยทำไมจึงปวด..ทำไมจะไม่ปวด..เพราะว่าข้าวมันดิบ
ข้าวเอยทำไมจึงดิบ..ทำไมจะไม่ดิบ..เพราะไฟมันดับ
ไฟเอยทำไมจึงดับ..ทำไมจะไม่ดับ..เพราะว่าฝนมันตก


เรามาวิเคราะห์ Root Cause Analysis (RCA) อย่างช้าด้วยการใส่ Why เข้าไป
หลังจากใส่ Why ไปแล้วก็วิธีแก้ปัญหา..ปัญหาของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน..55

เอาฟื้นไปเก็บไว้ในที่ร่มดีไหมค่ะ 

เอาล่ะ นักบัญชีทั้งหลาย
เมื่อไหร่ที่ธุรกิจทำท่าจะเป็นสีเทาๆ 
เราก็ควรเอาตัวออกมานะคะ...

ศิวพร 2020/05/26



วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

นี่แหละฉัน Introvert Manager


เหตุใด....จึงไม่ชอบอธิบาย


เหตุใด...ฉันจึงไม่ชอบอธิบายสิ่งใดๆ กับใคร

#เหตุผล

เคยอธิบายแล้ว..ไม่มีใครเข้าใจอยู่ดี

อธิบายตอนที่คนฟังเค้ามีอคติมีประโยชน์อะไร
ในเมือคุณปักธง..ฉันไปแล้วว่าผิด..ก็เป็นไปตามนั้นเถิด

อธิบายหนึ่ง อธิบายสอง...คงไม่มีการอธิบายครั้งที่สามสำหรับฉัน

ที่เงียบไม่ได้แปลว่าไม่คิด
แต่ที่เงียบเพราะไม่รู้จะพูดซ้ำเพื่ออะไร


และถ้าคุณเชื่อในคำพูดของคนอื่น 
แล้วจะถามหาความจริงจากฉันทำไม ? 

คุณค่ะ

ฉันยังเป็นคนเดิม
คนที่คุณเคยรู้จัก

เป็นคนที่
นิ่ง เงียบ และเฉย

กับทุกเรื่องที่เป็นม

และยังคงอยากคุณให้เว้นระยะห่างระหว่างเราไว้

#เพื่อจะได้ไม่ต้องมีใครเจ็บและเสียใจเพราะรักอีก


วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เหตุใด บุญที่เราเคยทำไว้ ไม่เคยช่วยอะไรเราเลย





เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศจีนสมัยโบราญ



มีชายคนหนึ่งมีจิตใจดีงาม ชอบทำบุญทำกุศล เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อสมัยหนุ่มๆเคยร่ำรวยถึงขั้นเป็นเศรษฐีแต่ด้วยความศรัทธาในการทำบุญทำทาน ถ้ามีงานบุญใดที่เป็นสิ่งที่ดีงามแล้ว เมื่อได้รู้เข้าก็มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ก็จะร่วมเป็นเจ้าภาพในงานบุญนั้นๆ เสมอ แถมทำบุญทีละมากๆทำอย่างเต็มที่ และสม่ำเสมอ



ไม่ช้าเงินทองทรัพย์สินที่หาไว้มากมาย ก็มีอันร่อยหลอลงไป มิหนำซ้ำสุดท้ายก็ยังขายทรัพย์สินไปทำบุญอีก สุดท้ายต้องยากจนจนไม่มีบ้านอยู่ แถมมีหนี้สินติดตัวมากมาย สุดท้ายจึงจำเป็นต้องนำภรรยาสุดที่รักไปใช้หนี้ โดยขายให้เป็นคนรับใช้ของเศรษฐีท่านหนึ่ง ก่อนจากกันด้วยความรักที่ภรรยามีต่อสามี นางจึงได้บอกแก่สามีว่า



“อย่าเสียใจไปเลย ท่านพี่ น้องเต็มใจและยินดีที่จะช่วยเหลือความเดือดร้อนของท่านพี่ ไม่ว่าอย่างไร ท่านพี่ ก็ดีต่อน้องเสมอมา น้องไม่เคยนึกเสียใจเลย การจากกันครั้งนี้เป็นเพราะความจำเป็นจริงๆ น้องเข้าใจ



แต่น้องอยากจะเตือนพี่ว่า



เงินที่เหลือจากการใช้หนี้สินครั้งนี้ น้องอยากให้พี่เก็บไว้ใช้ซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น อย่านำไปทำบุญอีก เพราะว่าเป็นเงินก้อนสุดท้าย ซึ่งมีเงินเหลืออยู่ไม่มาก ถ้าเงินหมดก็จะทำให้พี่ลำบากถึงที่สุด เพราะทรัพย์สินของท่านพี่ไม่มีเหลือแล้ว ญาตพี่น้องที่จะช่วยเหลือก็ไม่เห็นมี เชื่อน้องนะท่านพี่ น้องเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ” นางกล่าวทั้งน้ำตา ก้มหน้าแล้วเดินตามคนของเศรษฐีไป



ชายคนนั้นยืนร้องไห้ ดูภรรยาเดินจากไปเป็นคนรับใช้ของเศรษฐีด้วยความเศร้าใจ



แต่แล้วไม่นานชายคนนั้นก็นำเงินที่มีอยู่ไม่มากไปทำบุญอีก ตอนนี้จึงกลายสภาพเป็นขอทานหากินเร่ร่อนไปตามตลาด แหล่งชุมชน บ้านเรือน เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นทั่วไป และผู้รู้ถึงที่มาที่ไปของชายคนนั้น ต่างก็ร่ำลือกันไปว่าทำดีแล้วไม่เห็นจะมีความดีมาสนองต้องกลับกลายเป็นยาจกเข็ญใจแบบนี้ ต่อไปคงไม่มีคนคิดทำความดีกันอีกแล้ว



เรื่องนี้ร้อนไปถึงสวรรค์เบื้องบน บรรดาเทวดาที่ได้ยินคำร่ำลือ และ ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชายคนนั้นก็มาร่วมประชุมกันหาทางที่จะช่วยเหลือ



“ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว ชายคนนี้ในอดีตชาติได้ทำกรรมหนักมากเอาไว้ สุด ที่จะแก้ไขได้ในชาตินี้และจะต้องทนทุกข์เวทนาแบบนี้ต่อไปทั้งหมดสามชาติ คือ ชาตินี้จะต้องอดตาย ชาติต่อมาจะถูกฟ้าผ่าตาย ชาติสุดท้ายก็จะถูกเสือกัดตาย น่าเวทนาจริงๆ”



เหล่าเทวดาจึงลงมติกันว่าจะช่วยให้ชายผู้นี้ใช้กรรมให้หมดกันใจชาตินี้ ชาติเดียวก็พอ



เนื่องจากช่วงนั้นเกิดความแห้งแล้งและยากจนในหมู่บ้าน ชายผู้นั้นจึงไม่สามารถขออาหารมากินได้อยู่หลายวันร่างกายซูบผอม จนแทบไร้เรี่ยวแรงพยุงตัวเอง เขาตัดสินใจเดินโซเซออกจากที่พักเดินไปสู่หมู่บ้านเพื่อขออาหารกินประทังชีวิต ทันใดก็เกิดพายุเมฆฝนหอบเอาทั้งฟ้าทั้งฝนมาแบบไม่ตั้งตัว แล้วก็เกิดร้อง และเกิดฟ้าผ่ามาถูกชายคนนั้นพอดี ร่างกายที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ดำไหม้จากแรงฟ้าผ่า เขานอนสลบแน่นิ่งไปไม่ไหวติง เผอิญมีเสือตัวใหญ่ออกมาจากป่าข้างทางตรงเข้ากัดลำคอจนชายผู้นั้นหมดลมหายใจ และกัดกินร่างไร้ชีวิตนั้น กระจุยกระจายดุจเป็นซากสัตว์เป็นภาพที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก



ภรรยาของชายคนนั้นเมื่อได้มาอยู่บ้านเศรษฐีก็ทำหน้าที่แม่บ้าน มิได้มีลำบากอย่างที่คิดเอาไว้ แถมยังสุขสบายกว่าตอนที่ต้องเป็นหนี้สินอยู่กับชายคนนั้นเสียอีก แต่เมื่อครั้นได้ข่าวว่าสามีของตนเสียชีวิตแล้ว ก็มีความสงสาร จึงขออนุญาตเศรษฐีเพื่อเดินทางมาจัดงานศพให้สามีเป็นครั้งสุดท้าย



ในงานศพวันสุดท้าย ด้วยความเสียใจและสงสารสามี ก่อนจะนำศพลงฝังในหลุม นางได้เอ่ยขึ้นว่า



“เวรกรรมอะไรกันหนอทำให้ท่านต้องเผชิญเคราะห์กรรมถึงเพียงนี้ บุญที่ท่านทำไว้ ไม่ได้ช่วยท่านเลย ๆ” พูดพลางน้ำตานางก็ไหลเป็นทาง สะอึกสะอื้นด้วยความเวทนาอย่างสุดจะหักห้ามใจได้



นางตัดสินใจกัดนิ้วตัวเอง แล้วใช้เลือดที่ไหลออกมาเขียนที่หน้าผากสามีไว้ว่า “บุญ ไม่ ช่วย” แล้วจึงทำการฝังศพ และ นางได้อยู่จนจัดงานพิธีเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วจึงกลับไปหาท่านเศรษฐีดังเดิม



ต่อมาไม่นานฮ่องเต้ของแผ่นดินจีนท่านทรงดีพระทัยมาก ที่พระมเหสีได้ให้กำเนิดพระราชโอรสองค์แรก อันเป็นความหวังว่าจะได้สืบทอดราชบรรลังค์ของกษัตริย์สืบต่อไป แต่ไม่นานก็ทรงกังวลพระทัยเพราะทารกน้อยที่เกิดมา ทรงร้องไห้ตลอดเวลา ปลอบอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด มิหนำซ้ำบนหน้าผากก็มีอักษรเขียนไว้ด้วยว่า “บุญ ไม่ ช่วย” ไว้ด้วย



ฮ่องเต้ได้ทรงปรึกษาโหรหลวง ๆ ก็ได้แนะนำให้ป่าวประกาศว่าผู้สามารถทำให้พระราชโอรสหยุดร้องไห้ได้ จะมอบรางวัลให้แล้วแต่จะขอ และ ยังได้บรรยายไว้ว่าบนหน้าผากทารกมีลักษณะพิเศษคือมีคำสามคำ คือ บุญ ไม่ ช่วย อยู่ด้วย



ไม่นานข่าวก็มาถึงภรรยาของชายคนนั้น นางจึงได้เข้าเฝ้าและขอดูทารกเพื่อให้แน่ใจ เมื่อนางได้ดูตัวอักษรที่อยู่บนหน้าผากเป็นลายมือของตน จึงแน่ใจว่าชายผู้เป็นสามีได้มาเกิดเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์แล้ว จากการทำความดีชนิดหาคนเทียบไม่ได้เลย นางจึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า



“หยุดร้องไห้เสียทีเถอะ ข้ารู้แล้ว ๆบัดนี้บุญที่ท่านทำไว้ได้ส่งผลดีให้กับท่านแล้ว เงียบเสียเถิด”



ว่าพลางนางใช้มือลูบไปที่หน้าผาก พลันตัวอักษรก็หายไปในทันที ทารกก็หยุดร้องไห้ทันที เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ที่ยืนดูอยู่ยิ่งนัก



ฮ่องเต้จึงถามว่า



“ท่านต้องการอะไร ข้าจะประทานให้ทุกอย่าง”

“ข้าไม่ต้องการเงินทองทรัพย์สินสิ่งใด เพียงขอให้ได้ดูแลปรนนิบัติ เจ้าชายน้อย ข้าก็พอใจมากแล้ว”

นางตอบ

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอแต่งตั้งเจ้าดำรงตำแหน่งเป็นพี่เลี้ยงของพระโอรสของข้า เจ้ามีอิสระสามารถจะเข้าออกส่วนต่างๆในวังได้ตลอดโดยไม่มีข้อห้ามแต่ประการใด”



ตั้งแต่นั้นมาภรรยาของชายคนนั้นก็อยู่อย่างมีความสุข จากการเป็นอยู่ที่สุขสบายและได้ดูแลพระโอรสจนเติบใหญ่ขึ้นมา

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ผ่าน : Slot machine



" ไม่ว่าเจอสิ่งใด เนิ่นนานไปก็แปรเปลี่ยน..สักวัน เคยวิ่งตามความฝัน แต่บางครั้งก็ต้องหยุด..แค่นั้น เมื่อก่อนเคยรัก..เคยผูกพัน แต่มาวันนี้มันเป็นเพียง คนเคยได้รู้จักกัน วันนี้มีสุขใจ แต่ต่อไปสักวันคง..วุ่นวาย หากความทุกข์ทนจางหาย อาจมองเห็นความสุข..อีกครั้ง จึงทำให้ฉัน ได้เข้าใจ ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร ฉันจะก้าวเดินต่อไป อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ วันที่ทำผิดไป อาจเจอใครที่เข้าใจ สักคน ในความมืดมนสับสน อาจเจอคนที่จริงใจ ไม่ยากนัก จึงทำให้ฉัน ได้มั่นใจ ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร ฉันจะก้าวเดินต่อไป ในความมืดมิดยังมี..ดวงดาว และแดดยามเช้าพาให้เรา..ก้าวไป อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ"

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เธอคือพรหมลิขิต

เพราะเธอคือพรหมลิขิต

ถึงแม้คุณจะไม่คิดถึงฉัน...แต่ฉันระลึกถึงคุณทุกวัน

เป็นอย่างไรบ้างนะ
ร้านยังพอขายได้ไหม
เธออยู่ดีรึเปล่า
คนรักของคุณเค้าทำคุณเจ็บซ้ำน้ำใจหรือไม่


ผู้ชายอ่อนไหวเช่นคุณ...คงชอบให้ผู้หญิงอ้อน
แต่ฉันไม่มีนิสัยเช่นนั้น

เราต่างกัน
ต่างตรงที่ว่า คุณลืม ฉันจำ


เด็กหญิงกับเด็กน้อย

รองเท้าเด็กน้อยถูกคลื่นทะเลซัดหายไป..เด็กน้อยเขียนที่ริมหาดว่า.." ทะเลคือขโมย "
.อีกชายฝั่งของทะเลชาวประมงหาปลาได้เป็นจำนวนมาก..ชาวประมงเขียนที่หาดทรายว่า...  " ทะเลคือผู้ให้ "
.ชายหนุ่มคนหนึ่งจมทะเลตาย..แม่ของเขาเขียนที่ชายหาดว่า.. " ทะเลคือฆาตกร "
.ชายชราเดินหลังค่อม ก้มหน้าเดินถือไม้เท้า พบไข่มุกอันล้ำค่า จึงเขียนว่า.. " ทะเลคือผู้เมตตา "
.ทันใดนั้น " คลื่น " ได้ซัดยังชายฝั่งและลบการเขียนทั้งหมด ! พร้อมกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า..
."อย่าไปสนใจคำตัดสินของผู้อื่น หากเจ้าคิดจะเป็นทะเล "
.อย่าไปวิตกกับสิ่งที่ผ่านมา ความพ่ายแพ้ หรือความผิดหวัง ความสุข หรือความทุกข์  เพราะหากชีวิตมนุษย์จะเรียบง่าย คงไม่เริ่มต้นด้วยการร้องไห้เมื่อแรกเกิด
.คนเรา " เกิดมา " พร้อมกับเสียงร้องไห้ของตัวเอง แต่ " ตายไป " พร้อมกับเสียงร้องไห้ของผู้อื่น ช่วงเวลาระหว่างนั้น เรียกว่า " ชีวิตคน "
.แมวชอบกินปลา แต่แมวลงน้ำไม่ได้ ปลาชอบกินไส้เดือน แต่ขึ้นฝั่งมากินไส้เดือนไม่ได้  ชีวิตคนเรา " มีได้ - มีเสีย " มีทั้ง "ได้เลือก" และต้อง "ล้มเลิก"
.ในชีวิตคนเราไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเป็นไปดั่งใจนึกได้หมด
.จงอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับใครเพราะมันไม่คุ้มจงอย่าจริงจังกับ ตัวเองเกินไปเพราะจะทำร้ายตัวเองจงอย่าไปจมอยู่แต่อดีตเพราะมันไม่ได้อะไรขึ้นมา..
.จงอย่าจริงจังกับปัจจุบันมากไปเพราะชีวิตยังคงต้องเดินต่อไป..
.ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของๆ เรานอกจากสุขภาพกายที่แข็งแรง (อันมาจากสุขภาพใจที่เข้มแข็ง เปี่ยมกำลังใจ)
.อย่าได้อวดเรื่องเงินเรื่องทอง ตายไปก็กลายเป็นเพียงเศษกระดาษ
.อย่าได้อวดเรื่องหน้าที่การงานลาออกไปแล้วจะมีคนมาแทนที่คุณและอาจทำได้ดีกว่าคุณ
.อย่าอวดเรื่องบ้านเรื่องรถตายไปแล้วก็เป็นของทายาท..คุณหมดเวลา
.คุณอวดเรื่อง"สุขภาพแข็งแรง"จะดีกว่าคนอื่นตายไปแล้วคุณยังนอนเล่นริมทะเลนั่งจิบชามองดูลูกหลาน..อย่างมีความสุขและเข้าใจในชีวิต.
             "10 ปี 7 ครั้ง"
 ค่อยๆตั้งใจอ่าน
เปิดใจรับแล้วจะพบแต่ความสุขที่ได้เกิดมาบน โลกใบนี้.....

"ชีวิตคนเราจะมีสิบปีสักกี่ครั้งกัน"
ชอบประโยคนี้มากมันจริงอย่างยิ่งถ้าคนเราอายุเฉลี่ย 70 ปี
เราก็มี 10 ปีแค่ 7 ครั้ง
1. สิบปีแรก...หมดไปกับความไร้เดียงสา
2. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการศึกษาเล่าเรียน
3. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการทำงานและการใช้ชีวิต
4. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการสร้างฐานะ สร้างครอบครัว
5. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการลงหลักปักฐาน รักษาสิ่งที่หามา 
6.สิบปีต่อมา...หมดไปกับการดูแลรักษาสุขภาพกายใจให้แข็งแรง
7.สิบปีสุดท้าย...หมดไปกับการปล่อยวางทุกสิ่งรอคอยการกลับบ้าน
แต่ละสิบปีผ่านไป...ไวเหมือนโกหกอีกไม่นานปีนี้ก็จะผ่านไป
มีอะไรที่เราทำไปแล้วมากมายและก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ

*** เวลา คือ หน่วยเงินในกำมือของเราที่เอาไปแลกสิ่งอื่น

- เราเอาเวลาไปแลกงาน
- เราเอางานไปแลกเงิน
- แต่เราก็ไม่เคยเอาเงินไปแลกเวลาคืนกลับมาได้สักทีถ้า 'ธนาคารเวลา'มีจริงเราก็ไม่เคยมีสมุดบัญชีสักเล่มที่จะให้เราดูได้..ว่าตอนนี้เหลือเวลาอยู่เท่าไหร่?

*** เรารู้ว่าเราใช้"สิบปี"ของเราไปกี่ครั้งแล้วแต่เราไม่อาจรู้ว่า...
เราจะใช้"สิบปี"ที่เหลือของเราได้ครบมั้ยแต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับเราใช้เวลาสิบปีของเราไปคุ้มค่าหรือเปล่าเมื่อเราหันหลังกลับมาขอให้พูดได้เต็มปากว่าเราใช้มันไปอย่างไม่น่าเสียดาย

   ชี วิ ต ค น เ ร า จ ะ มี "สิ บ ปี" สั ก กี่ ค รั้ ง กั น?
  ใช้สิบปี เจ็ดครั้งของเรา ใ ห้ คุ้ ม ค่า     
   
สวัสดีกับสิบปีปัจจุบันของท่าน 
เขียนดีมาก อ่านให้จบ คุณอาจจะหัน มารักตัวเอง...

สรุป: ชีวิตที่เรียบง่าย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต 30% ที่เป็นของคุณ
- ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้อง บำรุง
- ไม่กระหายแต่ก็ต้อง ดื่มน้ำ
- ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้อง ปล่อยวาง 
- มีเหตุมีผลแต่ก็ต้อง ยอมคน 
- มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จัก ถ่อมตน
- ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้อง พักผ่อน
- ไม่รวยแต่ก็ต้อง รู้จักพอเพียง
- ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จัก พักผ่อน
- หมั่นเตือนตน : ชีวิตนี้สั้นนัก

# อยากกิน...กิน
# อยากเที่ยว....เที่ยว
# เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้
# ไม่เครียด ปล่อยวาง
# สุขสบายทุกเพลา

@ เวลาที่ยังจับมือไหว
ให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์
หรือออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆบ้าง

@ เวลาที่ยังกอดไหว
ให้โอบกอดให้ชื่นใจ

@ ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา
พี่ น้อง และเพื่อนที่ดีต่อไป

@ ครอบครัวสุขสรรค์ มาก่อนเสมอ !!!
@ เวลาที่อยู่ด้วยกัน
อย่าได้โกรธกันง่ายๆ
- ที่สำคัญ ต้องเป็น "ผู้ให้" ก่อนเสมอ
เต็มใจ - สุขใจ ที่เป็นผู้ "ให้"
- รู้จัก "ขอโทษ" และ  "สำนึกผิด"
ทุกครั้งที่ทำ "ผิด"
- ท้ายสุด "ปล่อยวาง" และ "พอเพียง"
*** คิดดี  ทำดี  พูดดี...มีสุข

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

จนกว่าเราจะพบกันใหม่

เชื่อว่า หากเรายังผูกพันธ์กับใคร

เราจะได้กลับมาพบกับคนคนนั้นอีก

รอนะ รอเพื่อจะพบกันใหม่


ฉันจะจดจำทุกเรื่องราวระหว่างเรา
และจะเล่าให้เธอฟังในวันที่เราได้พบกันอีกครั้ง

#คิดถึงนะคนบนฟ้า

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

[แนะนำ] ผศ.ดร. กฤษฎา ตันเปาว์ นักวิชาการอิสระ

[แนะนำ] ผศ.ดร. กฤษฎา ตันเปาว์ นักวิชาการอิสระ

หลักสูตรการบริหารจัดการ ตอน บริหาร EGO ในตนเอง เพื่อความก้าวหน้าในการงาน...

หลักสูตรการบริหารจัดการ ตอน การตัดสินใจ หัวใจความสำเร็จของผู้จัดการ [EP3...

หลักสูตรการบริหารจัดการ ตอน การตัดสินใจ หัวใจความสำเร็จของผู้จัดการ [EP3...

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สิ่งที่เป็นตัวฉัน

ชอบฟังเพลงของ 

ILLSLICK 

เช่น Best thing


ชอบดูหนัง

แนวอีโรติก

เช่น ชั่วฟ้าดินสลาย


ชอบผู้ชาย

สายดาร์ก

เช่น โชเซ่ มูรินโญ่



นี่แหละตัวฉัน

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เตือน "10 ฮวงจุ้ย" ห้ามมีเด็ดขาด เงินทองรั่วไหล มีเท่าไหร่ ก็เก็บไม่อยู่





10 ฮวงจุ้ย" ห้ามมีเด็ดขาด เงินทองรั่วไหล มีเท่าไหร่ ก็เก็บไม่อยู่

835,435 views
Jan 14, 2019
SUBSCRIBED
เตือน "10 ฮวงจุ้ย" ห้ามมีเด็ดขาด เงินทองรั่วไหล มีเท่าไหร่ ก็เก็บไม่อยู่
1. มีแหล่งน้ำกลางบ้าน
1. มีแหล่งน้ำกลางบ้าน

ที่บ้านของคุณมีแหล่งน้ำอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของบ้านหรือเปล่า เช่น

– ห้องน้ำ
– ตู้ปลา
– อ่างน้ำพุ
– บ่อน้ำ

ถ้าตั้งอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางของบ้าน ถือว่าไม่ดีมากๆ เพราะความชื้นที่สะสม จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและโชคลาภของคุณ ทำให้มีเหตุที่จะต้องเสียเงินอยู่บ่อย ๆ

วิธีแก้ไข

– ถ้าเป็นสิ่งของที่สามารถทำการเคลื่อนย้ายได้ ก็ให้เคลื่อนย้ายออกไปจากบริเวณจุดศูนย์กลางของบ้าน
– ถ้าเป็นห้องน้ำ ให้นำม่านหรือมู่ลี่ติดหน้าประตูห้องน้ำ ปิดฝาชักโครก ปิดประตูห้องน้ำตลอดเวลา และแนะนำให้นำกระถางต้นไม้ประเภทไม้ใบ ไปตั้งไว้ในห้องน้ำ ให้ตักเกลือ 2 ช้อนโต๊ะใส่ถ้วยเล็กๆ แล้วนำไปวางไว้ด้านข้างชักโครกเพื่อดูดกลิ่น และดูดความชื้น

2. ตั้งหิ้งบูชาเหนือขอบประตู

ตำแหน่งที่เหมาะกับการตั้งหิ้งบูชา คือบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบ และต้องตั้งในที่ที่มีผนังทึบตัน หรือให้หลังหิ้งพระมีที่พิงอันมั่นคงแน่นหนา
การตั้งหิ้งบูชาไว้เหนือขอบประตูถือว่าเป็นจุดเสีย เพราะบริเวณนั้นมีคนเดินผ่านไปมา มีพลังการเคลื่อนไหว จะส่งผลเสียต่อพลังศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยมีแต่ความเสื่อมถอยมากกว่าความเจริญ

วิธีแก้ไข

– ควรย้ายมุมจัดตั้งหิ้งบูชาไปไว้ผนังด้านอื่น และควรให้หิ้งหันหน้าไปทางประตูหน้าบ้านจึงจะมีผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำมาค้าขาย
3. เตียงอยู่ใต้คาน

ไม่ควรวางเตียงไว้ใต้คาน เพราะถือว่าเป็นจุดที่ไม่ดี พลังกดทับจากคาน จะมีผลต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยได้ง่าย อาจปวดศีรษะและแน่นหน้าอกได้บ่อยๆ คู่สมรสมักจะเกิดความไม่ลงรอยกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ตลอดเวลา และจะมีผลมากที่สุดหากคานมีขนาดใหญ่ และอยู่ห่างจากตัวเราไม่เกิน 2.5 เมตร

วิธีแก้ไข

– ควรย้ายเตียงไปอยู่ในตำแหน่งอื่นให้พ้นจากคานนั้น
– หากไม่สามารถทำได้ ให้ตีฝ้าปิดคานนั้นเสีย
– ใช้ผ้าผืนใหญ่ขนาดเท่ากับความกว้างของเตียง ปิดเหนือเตียง เพื่อไม่ให้เห็นขื่อคานนั้น และเป็นการกระจายพลังงานที่กดทับของคานให้ลดน้อยลง

4. เสาไฟฟ้าตั้งอยู่หน้าบ้าน

หากว่ามีเสาไฟฟ้าตั้งอยู่ตรงกับหน้าบ้านพอดี ถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้บ้านของคุณขาดพลังความสมดุล มีผลให้สภาพจิตใจไม่ปรกติ โมโห หงุดหงิดง่าย และมักออกอาการเกรี้ยวกราดง่ายอยู่เสมอ ทำให้ขาดโชคลาภ
หากมีเสาไฟฟ้าแรงสูงอยู่ด้านหน้าบ้าน หรือด้านข้างของบ้าน พลังของคลื่นไฟฟ้าจะส่งผลต่อระบบเลือดภายในร่างกาย ทำให้เลือดหนืด เม็ดเลือดอาจผิดปกติ เกิดโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ หรือโรคเรื้อรัง

วิธีแก้ไข

– ให้หาลูกแก้วคริสตัลหรือโมบายมาแขวนหน้าประตูบ้าน เพื่อช่วยสะท้อนและกระจายสิ่งที่ไม่ดีให้ออกไปจากบ้าน
– ไม่ควรนอนในห้องที่อยู่ใกล้เสาไฟฟ้า
– ปลูกต้นไม้ให้สูง บังเสาไฟฟ้า
– ติดธงชาติ ให้โบกสะบัด พัดพลังงานให้กระจาย

5. หันหัวเตียงติดห้องน้ำ

การตั้งหัวเตียงไปชิดกับผนังด้านที่เป็นห้องน้ำถือว่าไม่ดีอย่างยิ่ง และถ้ายิ่งจุดที่ตั้งของชักโครกตรงกับหัวเตียงด้วยแล้วยิ่งไม่ดีอย่างมาก เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีอารมณ์แปรปรวนง่าย อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ถ้าห้องน้ำไม่มีแดดส่งถึง จะทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ หอบ หืด โชคลาภก็พลอยหดหายไปด้วย

วิธีแก้ไข

– ควรย้ายหัวเตียงหันไปทางอื่น
– หากไม่สามารถหันได้ ให้ทำฉากกั้น ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้เตียงอยู่ห่างจากผนัง และไม่ได้ยินเสียงในห้องน้ำ รวมทั้งป้องกันความชื้นที่ส่งมายังศีรษะเวลานอนด้วย

6. ตั้งโต๊ะทำงานหันหลังให้ประตู

หากใช้ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว หรือคอนโดมิเนียม ทำเป็นสำนักงาน การจัดวางโต๊ะทำงาน อย่าตั้งโต๊ะทำงานโดยที่เมื่อนั่งทำงานแล้วหันหลังให้กับประตู เพราะจะทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น

วิธีแก้ไข

– ควรย้ายมุมโต๊ะใหม่ หรือหากระจกเงามาติดไว้ข้างหน้า ให้ส่องไปทางด้านหลังให้เห็นประตูเปิดปิดได้ หากเป็นไปได้ควรย้ายโต๊ะทำงานให้อยู่ในลักษณะหันข้างหรือหันหน้าให้เห็นประตูจะดีกว่า

7. กระจกร้าวในบ้าน

ลองตรวจสอบภายในบ้านของเราดูว่า มีกระจกบานใดที่มีรอยร้าว รอยแตก บิ่น หรือไม่ เพราะกระจกดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก เพราะว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของคนในบ้าน จะมีแต่ความร้าวฉาน ไม่รักใคร่ปรองดองกัน เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ตลอดเวลา บ้านไหนที่มีการทะเลาะกัน โชคลาภ การเงินจะหนีหายไปหมด

วิธีแก้ไข

– ควรเปลี่ยนกระจกที่มีรอยร้าวเอาทิ้งไป
– ผนังปูนที่มีรอยร้าว ควรซ่อมแซมให้เรียบเนียนด้วยเช่นกัน

ฉันคิดถึงเธอ

กี่วัน แล้วนะ ที่เธอเงียบหาย

กี่วัน แล้วนะ ที่ไม่มีข่าวสารใดๆ จากเธอ

บางที...ขอแค่รู้ข่าว

รู้ว่าเธอ..ยังมีลมหายใจ..มีชีวิต ที่ดี

แค่นั้นก็เพียงพอ