วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558

อืม อืมมม เพื่อนไม่รู้ว่า ตูก็เขียน 555

เพื่อนถามว่า แปลกเน๊อะ คนทำไมชอบเขียนไดฯ เขียนบลอก 
เอาเรื่องราวของตัวเองไปนั่งเล่าให้ใครต่อใครอ่าน ฉันว่ามันเปิดเผยเกินไป
แล้วก็บางที มันก็ไม่เห็นมีอะไรเลย เล่ากันอยู่ได้

อืม อืมมม อืมมมม แต่เพื่อนไม่รู้ว่า ตูก็เขียน 555


ถ้าเป็นคุณจะตอบยังไง ...
ไม่คิดเยอะเลยสำหรับตัวเอง


เพราะบอกกับเพื่อนไปว่า มันอยู่ที่เรามากกว่า ที่จะสื่ออะไรลงไป
จำเป็นเหรอที่เราต้องเล่าทุกเรื่องราว
จำเป็นหรือเปล่าที่ต้องบอกกล่าวทุกรายละเอียด
นั่นก็คือ ไม่เลย ไม่จำเป็นเลย และไม่ต้องทำเลย



มันอยู่ที่ เรา นั่นแหละ
ว่าอยากจะบอกอะไร คนต่างกันคนละทิศทาง ไม่ได้รู้จักกัน จะสนทำไม
แค่ได้มิตรดี ดี ได้ความรู้สึกดี ดี ได้คุยอะไรกับใครสักคน
คนที่ไม่รู้จักเรานั่นแหละ อาจจะมองเห็นอีกความเป็นไปของเรา ก็ได้
ใช่ไหม ..
ครั้งหนึ่ง เราก็รู้จักกันผ่านตัวหนังสือมาเหมือนกันไม่ใช่หรือ

เชื่อว่า 

การเขียนความรู้สึก ที่เรากำลังนึก กำลังคิด 

ใช้ความพยายาม รวบรวมมันเข้าด้วยไว้ อย่างหาญกล้า
แม้ในความเป็นจริง เราอาจจะยืนยิ้มทั้งที่หัวใจร้องไห้อยู่ก็เป็นได้
ให้อยู่ด้วยกันได้อย่างกล้าหาญ
แต่นี่ คือ พื้นที่ส่วนตัว เป็นในสิ่งที่เราเป็น ไม่เหนื่อย ใช่ไหม..
...........

อ้อ.. ยังไม่ได้บอกเพื่อนไปเลย ตอนนี้ก็เขียนนินทาเพื่อนอยู่นะเนี่ย 55 

วันที่หายใจเข้าแล้วยังระลึกถึงลมหายใจ แสดงว่าเรายังคงมีหน้าที่และชีวิตยังคงตอบโจทย์ความสวยงามนั้นเสมอ......ศิวพร ไตรภพ

แค่บางเสี้ยวอารมณ์ by ศิวพร ไตรภพ



จู่ ๆ ก็เกิดคิดถึงใครบางคนขึ้นมา

นึกอยู่ว่า ตอนนี้ “คุณ” กำลังยืนเหยียบแผ่นดินไหนของโลกใบนี้อยู่หนอ 
หรือเกิดหนีหายไป ข้ามดวงดาวไปเดินเล่นกับเจ้าหญิงน้อยแล้วรึเปล่า

แม้จะทิ้งเวลาให้หายไปหลายช่วง

ด้วยวาดหวังว่า ความรู้สึกที่มี
อาจจะหล่นร่วง หรือตกหายไปบ้าง

ความจริง อย่างไรก็เป็นความจริง

ให้เราวิ่งหนีมันไปสุดขอบฟ้า ก็คงเหมือนคนที่วิ่งหนีเงาตัวเอง
แม้ค่ำคืนที่ไร้แสงจันทร์ ก็คงยังมีแสงนีออนคอยตามฉายส่อง
แล้วอย่างนี้ จะหนีให้พ้นได้อย่างไรเล่า
ทุกอย่าง ก็หวนกลับสู่ตัวเรา แม้จะหนี แม้จะวาง
หรือกระทั่ง แกล้งทำเป็นหลงลืม 
แต่ใจที่รู้อยู่ ก็รู้ว่าเราไม่เคยจะลืม เพราะทุกอย่างล้วนสมมติ
หาใช่จะทำได้สักอย่าง


กอดเข่าเจ่าจ่มกับความรู้สึกเรื่อยไป
และสักวัน หากคุณจำได้ และฉันยังไม่ลืม 
เราคงได้เวียนมาบรรจบกัน
แม้วันนี้ จะห่างกับคำว่าไกลไปนักแล้ว 
มันก็ยังอยู่ในระยะเอื้อมม

วันพุธที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2558

TIMELINE จดหมาย-ความทรงจำ - จาก THE LETTER จดหมายรัก โดย ศิวพร ไตรภพ

TIMELINE จดหมาย-ความทรงจำ - จาก THE LETTER จดหมายรัก

26 กุมภาพันธ์ 2014 เวลา 9:20 น.
แม้ว่า Timeline จะไม่ใช่ภาคต่ออย่างเป็นทางการของ The Letter
แต่ก็เป็นที่รู้กันว่ามันคือภาคต่อนั่นแหละ ส่วนหนึ่งก็สะท้อนมาใน Timeline


สิ่งที่เชื่อมต่อหนัง 2 ภาค ได้เป็นอย่างดี คือ จดหมาย และ ต้นบ๊วย

  • คำถาม-เป็นภาคต่อกันไหม
  • คำตอบ เหมือนจะใช่ แต่ติดเรื่องลิขสิทธิ์ เลยใช่ชื่อเดิมไม่ได้ The Letter

เรื่องราวจะเป็นรุ่นพ่อ-แม่(ดิว-ต้น) จบถึงแค่เริ่มมีลูก(ตั้ม)
แต่ Timeline จะเป็นเรื่องราวรุ่นลูก(แทน)
ที่มีผลต่อเนื่องมาจากรุ่นพ่อแม่(มัท-ทัน)

จาก Letter สู่ Timeline  

The Letter เป็นหนังรักโรแมนติกที่ถ่ายทอดเรื่องราวของความรักผ่าน "จดหมาย" 
แม้ว่าเรื่องมันจะเศร้า แต่สิ่งสำคัญคือคนที่อยู่ข้างหลังยังต้องก้าวต่อไป
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้คนข้างหลังก้าวต่อไปได้ ก็คือ "สื่อกลาง"
ที่คนที่จากไปทิ้งไว้ให้ ใน The Letter จดหมายคือสื่อที่คนจากไปส่งให้คนที่ยังอยู่


ใน Timeline สื่อนั้นถูกอัพเกรดให้ทันสมัยมากขึ้นด้วยการใช้ "Facebook" (นั่นคือที่มาของชื่อ Timeline)   Facebook ที่เป็นสื่อสมัยใหม่ ดูฉาบฉาย ไม่จริงใจ (ถ้าจำได้ใน The Letter ก็ค่อนข้างมองพวกสื่อออนไลน์เหล่านี้ในแง่ลบ) กลายเป็นสื่อที่โรแมนติกและน่าประทับใจได้


  • ไม่สำคัญที่ว่าจะเป็น "จดหมาย" หรือ "Facebook" 
  • เพราะสุดท้ายแล้วความสำคัญของทั้ง 2 อย่างก็คือ "สื่อกลาง"
  • ที่เป็นตัวแทนในการถ่ายทอด "สาร/ความรู้สึก" ของ "คนส่ง" ไปยัง "คนรับ"
  • ในห้วงเวลาที่คนส่งไม่กล้า/ไม่มีโอกาสที่จะพูดต่อหน้าด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม แม้ Timeline จะชู Facebook เป็นตัวหลัก
แต่ก็ใช่ว่าจะละทิ้งจดหมายไปเลยเสียทีเดียว
เพียงแต่เปลี่ยนบทบาทจากเดิมจดหมายคือสิ่งที่คนที่จากไปส่งให้คนที่ยังอยู่


แต่บทบาทนี้ Facebook ได้รับหน้าที่แทนไปแล้ว  ในเรื่องนี้จดหมายจึงเป็นสิ่งที่
"คนที่ยังอยู่ส่งให้กับคนที่จากไปแล้ว"แทน
เป็นการพลิกบทบาทที่เพิ่มความซึ้งและความประทับใจได้มากทีเดียว


การเขียนจดหมายถึงคนที่จากไปนี่มันเศร้านะ เพราะคนที่เราอยากให้อ่านไม่ได้อยู่แล้ว
มันคงไม่ต่างกัน....กับชีวิตตอนเด็กๆ ของฉันที่เฝ้าแต่เขียนบันทึก....ถึงพ่อที่ตายจากไป


สิ่งที่ตามหา/ไกลแค่ไหนคือใกล้ ในแง่ความรัก Timeline จะต่างจาก The Letter ตรงที่
ขณะที่ภาคก่อนเป็นโรแมนติกที่สมหวังซึ่งจบด้วยการจากลา ภาคนี้กลับไม่ค่อยมีช่วงเวลาที่สมหวังนัก
แต่เป็นความรักแบบ "แอบรัก" เสียมากกว่า ตรงนี้ทำให้นึกถึง Season Change


คำถาม
เมื่อรู้ว่าไม่สามารถใกล้ได้แล้ว เรายังจะควรหาทางต่อไปอีกมั้ย 

ใน Timeline เหมือนจะบอกเราว่าทำต่อไปเถอะ
ต่อให้ไม่ได้เข้าไปใกล้เลย แต่ตราบใดที่ยังมีความสุขกับการเดินทางก็ทำไปเถอะ 


คนที่พูดเรื่องนี้ได้ดีที่สุดในหนังน่าจะเป็น "วัฒน์"
ผู้ที่แอบชอบมัทมานาน แต่เขาก็เข้าใจดีกว่ามัทเองก็ยังมีทันในใจ
ดังนั้น  เขาจึงไม่บีบบังคับให้มัทรักและไม่หนีหายแม้รู้ว่ารักตัวเองจะไม่สมหวัง
วัฒน์ยังคงมอบความรักความหวังดีให้กับมัทอยู่เสมอๆ
แม้มันอาจจะยังอีกไกลกว่าจะเข้าไปใกล้ แต่เขาก็มีความสุขในการเดินทางของเขา

การเขียนบันทึกของฉันไม่ต่างอะไรจากหนังสองเรื่องนี้เลย...
มันคือ "สื่อกลาง" ในห้วงเวลาที่คนส่งไม่กล้า/ไม่มีโอกาสที่จะพูดต่อหน้าด้วยตัวเอง

ศิวพร ไตรภพ

วันอังคารที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2558

‎เบิร์ดอายวิว Bird's Eye View by ศิวพร ไตรภพ

 Bird's Eye View
บางปัญหามองเห็นภาพรวมได้ก็เพราะการมองจากมุมสูง
การมองในมิติกว้าง เห็นได้ดีมากกว่าการจับจดมองเป็นจุดๆ เป็นส่วนๆ 

พร่ำเพ้อถึงความเสียหาย ฟุมฟายถึงองค์ประกอบที่เสียไป 


ทั้งที่เมื่อพาตัวเองลอยขึ้นเหนือปัญหา
แล้วก้มมองลงมาจะพบว่า


 “เรามีสิ่งที่เหลืออยู่มากกว่าสิ่งที่สูญเสีย………..”

Worm's Eye View
บางครั้งเรื่องเล็กน้อยพลิกตัวสะดุ้ง ดาวก็สะเทือน หลายปัญหาแสนเล็กน้อยกลับสร้างปัญหาใหญ่โต เพราะละเลย เพราะชะล่าใจ เพราะคิดว่าการเด็ดดอกไม้ ใยต้องกังวลว่าดาวจะสะเทือน  มองอย่างคนขี้กลัว คนหวาดระแวง มองอย่างเคารพต่อคำว่า ”ปัญหา”


  • Bird's Eye View ความเศร้า เมื่อมองจากสถานีอวกาศ  เล็กจนแทบไม่รู้ว่ามีรูปร่างอย่างไร 
  • Worm's Eye View ความเศร้า แสนยิ่งใหญ่ ขนาดมหึมา เกินผลัก เกินพยุงเมื่อเอาตัวไปชิดกับปัญหา เอาตาไปเกยกับน้ำ
"เมื่อมองเห็นชัด ก็เห็นทางเลี่ยง เห็นทางลัดการผ่านจากความเศร้า"
Worm's Eye View

 ยามสุขก็เสพให้มันเต็มที่ เต็มหน้าตัก เต็มจอ อยู่กับความสุขให้นานเท่าที่โลกจะเคลื่อนไป ถ้าที่จะรั้งโลกให้เดินไปกับเรา...ไม่รู้นานแค่ไหนจะได้มองความสุขไกลขนาดนี้


Bird's Eye View
ความรักเอ๋ยยามห่างไกล ใช่หายห่าง โลกกว้างมองไกล ความรักมีมากมายโดยสัญชาติญาณ นกน้อยมิเคยบินโดยไร้จุดหมาย ความรักใกล้เคียงกับความหวังที่อาศัยความเชื่อเป็นเสื้อชูชีพพยุงชีวิต

Worm's Eye View
โชคดีเหลือเกิน ฉันเหมือนหนอนที่ได้เจอกับใบไม้สีเขียวอ่อนฉ่ำน้ำค้าง ฉันไม่ต้องค้นหา ไม่ต้องเดินทางอีกแล้ว ระลึกเสมอว่า หนอนตัวนี้โชคดีเหลือเกิน


     
ขอบคุณ หนังเรื่อง Fast สนุกม๊าก ข้าวต้มก็อร่อยม๊าก แม้กินมันยามป่วยก็ตามที

วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2558

เป็นแฟนกันหม้าย - เต็ม นาวา 【65MediaStudio Official】





เป็นแฟนกันหม้าย เพลงที่ส่งให้ใครบางคน ด้วยความหมายดี ๆ

"ดีใจนะ" ที่บอกว่า"เพราะ"

แล้วเพราะอะไรนะ ทำไมต้องเป็น "คุณ" คนนั้นด้วย



แอบรักเธอมากตั้งนาน แต่ไม่หาญบอกความในใจ กลัวว่าผิดผลั้นไป เธออาจมีใครเคียงข้างกาย ก็ไม่รู้อีทำพรือดีกับคำ คำนี้ที่มีมากมาย ขืนเก็บไปจนวันตาย ฉันคงไม่วายคลายรักเธอ แอบเผลอในใจ เก็บไว้ไม่กล้าบอก กลัวเธอหาว่าหลอก หาว่าบอกความในใจ ไม่รู้มีแฟนแร้วหม้าย ให้รู้ว่าชายคนนี้ แอบรักและคอยหวังดี ให้เธอทุกเวลา ไม่รู้ว่าใครคนนั้น คนที่ยืน เคียงข้างกันมีไม่หนา หัวอกมันเหมือนอีบ้า หัวใจมันไม่กล้า ไม่หาญบอก แอบรักเธอมากตั้งนาน แต่ไม่หาญบอกความในใจ กลัวว่าผิดผลั้นไป เธออาจมีใครเคียงข้างกาย ก็ไม่รู้อีทำพรือดีกับคำ คำนี้ที่มีมากมาย ขืนเก็บไปจนวันตาย ฉันคงไม่วายคลายรักเธอ แอบเผลอในใจ เก็บไว้ไม่กล้าบอก กลัวเธอหาว่าหลอก หาว่าบอกความในใจ ไม่รู้มีแฟนแร้วหม้าย ให้รู้ว่าชายคนนี้ แอบรักและคอยหวังดี ให้เธอทุกเวลา ไม่รู้ว่าใครคนนั้น คนที่ยืน เคียงข้างกันมีไม่หนา หัวอกมันเหมือนอีบ้า หัวใจมันไม่กล้า ไม่หาญบอก หัวอกมันเหมือนอีบ้า หัวใจมันไม่กล้า ไม่หาญ…บอก