วันอังคารที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2560

ห้องเรียนครูบ๋อม (ครูเจ้าปัญหา): รวม Link งานวิจัยฉบับเต็ม (FullText) และบทคัดย่อท...

ห้องเรียนครูบ๋อม (ครูเจ้าปัญหา): รวม Link งานวิจัยฉบับเต็ม (FullText) และบทคัดย่อท...: Link งานวิจัย  วิทยานิพนธ์ ฉบับเต็ม (FullText) ในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ บาง  Link  อาจใช้ไม่ได้  เพราะเจ้าของ  Link  อาจมีการลบหรือเปลี่ยนแปลง...

ถ้าความรักคือต้องทน ถ้าความรักคือต้องเหนื่อย



ยังเจ็บไม่พอใช่ไหม ใจฉัน
ยังเหนื่อยไม่พอใช่ไหม ใจเอ๋ย
ไปรักแต่คนใจร้าย ไม่รักตัวเองบ้างเลย

อ่อนหัดกับความซับซ้อน ของคน
สับสนกับความซับซ้อน ของใจ
อยากถามดวงดาวบนฟ้า ความรักต้องแลกด้วยน้ำตาหรือไร

ถ้าความรักคือต้องทน ถ้ามันต้องเหนื่อย แล้วไม่ได้อะไร
ทำแล้ว ฉันทำทุกทาง ไม่มีค่าใด

ถ้าการรักใครสักคน มันทำให้เจ็บ เจ็บจนไม่เข้าใจ
ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันยอม ไม่รักใคร

อยากเหนื่อยอีกนานแค่ไหน ใจฉัน
บอกกับตัวเองได้ไหมให้พอ
ก็รู้ไม่มีความหมาย ไม่รู้ว่ามัวมาเฝ้ารออะไร



วันพฤหัสบดีที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เพราะฉันเชื่อเสมอว่าเธอคือคู่ชีวิต





แม้มันอาจจะแตกต่างจากคนอื่นๆ แม้ฉันต้องพยายามเพียงไหน

ฉันก็เชื่อจากความรู้สึก วันนั้นถึงวันนี้ว่าเธอคือ คู่ชีวิต



ขอบคุณนะ ที่เดินเข้ามามันทำให้ฉันรู้ว่าชีวิตฉันมีค่า
และไม่ควรขังตัวเองอยู่กับสิ่งใด สิ่งหนึ่ง
ขอบคุณจากใจจริงๆ

ขอบคุณนะ ที่เดินจากไปมันทำให้ฉันรู้ว่าชีวิตฉันมีค่า
แม้ไม่มีเธอ ฉันก็ไม่ควรมีเค้าในชีวิตฉัน
ขอบคุณจากใจจริงๆ



#วันนี้เมื่อปีที่แล้ว

วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เขียนความรู้สึก

คิดถึง
"เพราะฉันยังเป็นคนหนึ่ง ผู้หกล้มอยู่ในความทรงจำ"
วนเวียนกลับมาที่เดิม นั่งซุกแอบอยู่ในมุมเล็ก ๆ ของตัว
หลายครั้งที่สุข และหลายครั้งที่เศร้า ก็จะมาเล่าเรื่องราวทิ้งเอาไว้ใน Blog บ้าง line บ้าง บันทึก บ้าง Noted บ้าง fac บ้าง
เพื่อนรักที่บวชไม่สึกเคยบอกว่า เขียนไว้นะ แล้ววันนึงกลับมาอ่าน เราจะเข้าใจ
บางอย่างก็เข้าใจ บางอย่างก็ไม่อยากจะเข้าใจ
บางอย่างก็เพียงแค่จะเล่าทิ้งเอาไว้
แต่บางอย่าง .. ก็ไม่เคยเลือนหายไปจากความทรงจำ
คิดถึงคนเก่า ๆ มิตรภาพเก่า ๆ ที่เคยได้รับ
มาตรงนี้ได้ไง จำไม่ได้ นึกย้อน คงแค่อยากเล่าอะไรในชีวิตทิ้งไว้
หลายครั้งที่ก็เหนื่อย ร้าว เบื่อ เหมือนจะไม่ไหวอีกแล้ว
วันนี้กลับมาอีกที จะเล่าเรื่องราวได้อีกแค่ไหนนะ

คิดถึงนะ คิดถึงคนที่ทิ้งฉันไป โดยไม่ร่ำลา
คนที่ปล่อยให้ฉันสู้ตามลำพัง
ขอบคุณที่ทำให้ฉันรู้จักคำว่ารักนะ

วันเสาร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เมื่อไหร่จะจำ

ฉันคิดถึงเธอ เลยเผลอกดเบอร์โทรไป
ไม่เข้าใจทำไมถึงทำอย่างนี้ ก็เรานั้นเลิกกัน
และเธอก็มีคนใหม่ ขอโทษที่โทรไป
ทำให้เธอกับเขามีปัญหา

เมื่อไหร่จะจำว่าไม่มีเธอ
เมื่อไหร่จะยอมรับว่าเธอนั้นรักใคร
อย่าไปรบกวนชีวิตของเขา เธอมีความสุขแล้ว
แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่
เมื่อไหร่จะพอ
พอกับความรัก ที่มีต่อเธอ
ก็รู้หวนคืนไม่ได้ ดีที่สุดแล้วที่เคยรักกัน
ขอบคุณเธอที่ทำให้รู้รักเป็นยังไง

ฉันคิดถึงเธอ อยากรู้ว่าเธอเป็นอย่างไร
ให้แน่ใจว่าดีกว่าอยู่กับฉัน
แค่อยากได้ยินเสียงเธอ คนที่เคยรักกัน
ก็แค่นั้น บอกเขาว่าฉันไม่มีอะไร

เมื่อไหร่จะจำว่าไม่มีเธอ
เมื่อไหร่จะยอมรับว่าเธอนั้นรักใคร
อย่าไปรบกวนชีวิตของเขา เธอมีความสุขแล้ว
แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่
เมื่อไหร่จะพอ
พอกับความรัก ที่มีต่อเธอ
ก็รู้หวนคืนไม่ได้ ดีที่สุดแล้วที่เคยรักกัน
ขอบคุณเธอที่ทำให้รู้รักเป็นยังไง

ลืมเธอซะที ลืมเธอซะทีได้ไหม
ลืมเธอซะที ลบเธอออกไปจากใจ

ก็ลืมเธอซะที ลืมเธอซะทีได้ไหม
ลืมเธอซะที ลบเธอออกไปจากใจ

เมื่อไหร่จะจำว่าไม่มีเธอ
เมื่อไหร่จะยอมรับว่าเธอนั้นรักใคร
อย่าไปรบกวนชีวิตของเขา เธอมีความสุขแล้ว
แค่นี้ก็ดีเท่าไหร่
เมื่อไหร่จะพอ
พอกับความรัก ที่มีต่อเธอ
ก็รู้หวนคืนไม่ได้ ดีที่สุดแล้วที่เคยรักกัน
ขอบคุณเธอที่ทำให้รู้รักเป็นยังไง

วันจันทร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

พูดมาแล้วจะร้องไห้ เมื่อมีใครเขาถามถึงเธอ

พูดมาแล้วจะร้องไห้ เมื่อมีใครเขาถามถึงเธอ
พูดไปแล้วน้ำตาเอ่อ ก็ไม่อยากจะเจอหน้าใคร

* ต้องตอบซ้ำซ้ำว่าเธอนั้นทิ้งไปมีใหม่
ต้องเจ็บซ้ำซ้ำในคำคำนี้อยู่ร่ำไป
คนใจร้ายคนโกหก คนโลเลไม่เคยจำสัญญา

** บอกว่ารักแค่เพียงลมปาก ฝากแผลใจให้มีน้ำตา
คนทั้งคนหรือเห็นเป็น หมาตัวหนึ่งที่รักเธอ
หลอกให้รักให้หลงงมงาย เจ็บเกือบตายนอนซมละเมอ
พูดไปแล้ว น้ำตาเอ่อ มันอยากจะลืม ลืมเธอสักที

อยากจะหลบไปให้ไกล ไม่อยากเจอคนรู้จักเรา
จากร่าเริงเป็นคนเศร้า เรื่องน้ำเน่าเล่าไปก็อาย

( ซ้ำ * , ** )

ใครเป็นไงไม่รู้ ดูใจคนไม่เป็น น้ำตาสาดกระเด็นเท่าไร
คนมันไม่มีใจ เราก็โง่เกินไป ซมซานกลับมาเลียแผลใจ
เกิดมาไม่เคยรักใครเท่าเธอ ต้องมาเจอะ ต้องมาเจอใช้เวร

บอกว่ารักแค่เพียงลมปาก ฝากแผลใจให้มีน้ำตา
คนทั้งคนหรือเห็นเป็นหมาตัวหนึ่งที่รักเธอ
หลอกให้รักให้หลงงมงาย เจ็บเกือบตายนอนซมละเมอ
พูดไปแล้ว น้ำตาเอ่อ มันอยากจะลืม 

( ซ้ำ ** )

ลืมเธอซักที

วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

วันที่บ่มีอ้าย

ในวันที่หัวใจอ่อนล้า อ่อนแรง หาบทความดีอ่านกันนะค่ะ



บทความโดย - Barrie Davenport แปลโดย - สุนทรี ปานนิลวงศ์
อเสนอแนะที่จะทำให้คุณรู้จักรักตัวเอง
       
       1. กำหนดนิยามของ “คุณค่า” ที่คุณต้องการ (Define worthiness for yourself) 
       
       ขอให้คุณตรวจสอบค่านิยมหรือหลักการของตนเอง คิดถึงสิ่งที่คุณคิดว่าถูกต้อง และระบุให้ชัดเจนว่าอะไรคือสิ่งที่คุณเชื่อ บุคคลประเภทไหนที่คุณอยากเป็น และคุณต้องการใช้ชีวิตอย่างไร (ต้องเป็นสิ่งที่ทำได้และเป็นจริงได้เท่านั้น) จากนั้นให้สร้างระบบปฏิบัติการส่วนตัวสำหรับชีวิตของคุณ โดยไม่ต้องสนใจกับสิ่งที่คนอื่นคิดว่าดีที่สุดสำหรับคุณ
       
       2. ตระหนักรู้ในความคิดของตัวเอง (Become aware of your thoughts) 
       
       ขอให้คุณเริ่มต้นโดยการให้ความสนใจกับความคิดของตัวเอง และพยายามทบทวนว่าคุณมีความคิดเชิงลบเกี่ยวกับตัวเองบ่อยครั้งหรือไม่ การตระหนักรู้แบบนี้จะทำให้คุณหลุดพ้นจากความคิดแม้เพียง 2-3 นาที ทั้งนี้ คุณต้องพยายามลดทอนความคิดในเชิงลบด้วยการรู้จักกับตัวตนของมัน โดยคุณอาจพูดกับตัวเองว่า “เราคิดในเชิงลบอีกแล้ว ดูสิว่ามันกำลังทำอะไรกับเราอยู่”
       
       3. กลั่นกรองการรับรู้ (Filter your perceptions) 
       
       เมื่อคุณรู้จักรูปแบบความคิดของคุณมากขึ้นแล้ว ขอให้คุณเริ่มกลั่นกรองความคิดของคุณโดยการพิจารณาความเป็นจริง จงถามตัวเองว่า “ความคิดของฉันมันเป็นจริงหรือไม่? มันเป็นเรื่องจริงทั้งหมดหรือเป็นแค่เพียงการรับรู้ความจริงเท่านั้น?” ขอให้คุณพยายามท้าทายความรู้สึกในเชิงลบ และหาเหตุผลที่จะมาโต้แย้งกับความคิดเชิงลบเหล่านั้น จงทำในสิ่งที่ช่วยผ่อนคลายการยึดติดกับความเชื่อที่ทำให้คุณจำกัดตัวเอง
       
       4. สร้างสภาวะแวดล้อมใหม่ๆ (Create new environments) 
       
       ถ้าสภาวะแวดล้อมหรือสถานการณ์ใดๆ มีส่วนทำให้คุณรู้สึกด้อยคุณค่า คุณต้องเปลี่ยนสภาวะแวดล้อมเช่นนั้น โดยการนำตนเองไปอยู่ในสถานการณ์ที่ทำให้คุณรู้สึกประสบผลสำเร็จ ได้รับการยอมรับ และมีความสุขให้บ่อยขึ้น คุณต้องพยายามใช้จุดแข็งของตัวเองเพื่อทำในสิ่งที่คุณถนัดมากกว่าการดิ้นรนทำในสิ่งที่จะทำให้คุณรู้สึกแย่และตกต่ำลง
       
       5. คบกับคนที่ทำให้คุณดีขึ้น (Find the right tribe)
       
       ถ้าคุณอยู่ในกลุ่มของคนที่ชอบวิจารณ์และตัดสินผู้อื่น มันจะยิ่งตอกย้ำให้คุณรู้สึกด้อยค่า ดังนั้น ขอให้คุณคบกับเพื่อนที่พร้อมให้กำลังใจ แสดงความห่วงใย สนุกสนาน และอยู่ด้วยแล้วมีความสุข คุณควรเลิกคบกับคนที่ทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อย เป็นพวกชอบควบคุม หรือปฏิบัติกับคุณแบบแย่ๆ ใช่ ! มันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำแบบนี้ แต่การเลิกคบเพื่อนที่ไม่ดีแบบนี้เพียงหนึ่งคนจะส่งผลให้ความรู้สึกของคุณดีขึ้นอย่างมากมายในแต่ละวัน
       
       6. พยายามฝึกการมองโลกในแง่ดี (Practice realistic optimism)
       
       ถ้าคุณไม่เชื่อว่าคุณเป็นที่ชื่นชอบ และเชื่อว่าการคิดเช่นนั้นเป็นเรื่องที่ผิด แทนที่คุณจะพูดถึงตัวเองแบบนั้น ขอให้คุณพยายามพูดกับตัวเองด้วยคำพูดในเชิงบวกจะดีกว่า ตัวอย่างเช่น คุณอาจพูดว่า “วันนี้ ฉันอาจจะทำงานไม่สำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ แต่ฉันรู้ดีว่าฉันสามารถแก้ไขตัวเองให้ดีขึ้นและมันทำให้ฉันรู้สึกดี” คิดอยู่เสมอว่าการแก้ไขปรับปรุงเป็นเรื่องที่ทำได้เสมอ และมันจะช่วยสร้างความรู้สึกที่ดีขึ้นให้กับตัวคุณ
       
       7. เรียนรู้ที่จะยอมรับ (Learn the power of acceptance)
       
       บางครั้งคุณอาจรู้สึกไม่ชอบหน้าตาหรือร่างกายของตัวเอง หรือบางทีคุณดูเป็นคนที่ไม่ร่าเริงหรือน่าสนใจในสายตาของผู้อื่น และเมื่อคุณเห็นคนอื่น คุณก็คิดปรารถนาที่จะเป็นเหมือนพวกเขาเหล่านั้น แต่ในความเป็นจริง หลายสิ่งในชีวิตมันเปลี่ยนแปลงไม่ได้ คุณมีทางเลือกระหว่างการดิ้นรนเพื่อเป็นเหมือนพวกเขา หรือเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน และหากคุณยอมรับมันได้ คุณก็จะมีพลังงานเหลือเพียงพอที่จะไปทำสิ่งที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์มากขึ้น วิธีที่จะฝึกการยอมรับให้ได้ผล คือการเผชิญหน้ากับข้อบกพร่องของคุณอย่างตรงไปตรงมา และพยายามผ่อนคลายจิตใจของตนเองให้มากขึ้น
       
       8. เปลี่ยนแปลงในสิ่งที่คุณทำได้ (Change what you can)
       
       ขอให้คุณทำอะไรก็ได้ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนพฤติกรรม ทางเลือกและการกระทำใดๆ ที่จะทำให้คุณรู้สึกรักตัวเองให้มากขึ้น แต่คุณต้องจำไว้ว่าการเปลี่ยนแปลงภายนอกเพียงอย่างเดียวจะไม่ทำให้คุณชื่นชมตัวเองเพิ่มขึ้นมากนัก คุณจะรู้สึกดีมากขึ้นหากคุณจะลงมือกระทำสิ่งใดๆ ที่จะส่งผลต่อความคิดและความเชื่อของคุณ
       
       9. ภูมิใจกับความแตกต่างหรือเอกลักษณ์ในตัวคุณ (Celebrate your differences)
       
       ในบางครั้ง สิ่งที่เรารู้สึกไม่ชอบใจเกี่ยวกับตัวเองอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและมีความเป็นเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดในสายตาผู้อื่นก็ได้ ถ้าคุณเป็นแกะดำของครอบครัว คุณอาจเชื่อว่าคุณดูแปลกไม่เหมือนคนอื่น แต่เมื่อคุณเติบโตขึ้น คนอื่นอาจมองว่าคุณมีบุคลิกภาพหรือมีวิถีชิวิตที่น่าสนใจและมีเสน่ห์ดึงดูด ดังนั้น อย่าดิ้นรนที่จะเปลี่ยนแปลง แต่จงภูมิใจในเอกลักษณ์ของเรา
       
       10. หมั่นฝึกความกตัญญูหรือการซาบซึ้งในพระคุณของผู้อื่น (Practice gratitude)
       
       ในเวลาที่คุณคิดกับตัวเองในเชิงลบ ขอให้เปลี่ยนหรือหักเหความสนใจไปสู่สิ่งที่ทำให้คุณซาบซึ้งใจ คุณอาจจะจดบันทึกทุกเรื่องที่ทำให้คุณรู้สึกซาบซึ้งใจ จากที่สำคัญน้อยและไปจนถึงสำคัญมากที่สุด แต่อย่าเพียงแค่จดเนื้อหาเพียงย่อๆ แต่ขอให้ดูรายละเอียดของแต่ละเรื่องและคิดว่าคุณจะรู้สึกอย่างไรหากไม่เกิดเรื่องเหล่านี้ มีผลการศึกษาที่พิสูจน์ชัดว่าการฝึกความกตัญญูหรือการซาบซึ้งในพระคุณของผู้อื่นจะทำให้คุณมีมุมมองกับชีวิตในเชิงบวกและมีความสุขมากขึ้น
       
       11. รู้จักแสดงความเห็นอกเห็นใจในตัวเอง (Show compassion for yourself)
       
       คุณต้องหัดเสแสร้งว่าคุณคือเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเอง และรู้จักที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจตนเองเหมือนกับที่คุณทำกับคนอื่นๆ แทนที่จะทำให้ตัวเองรู้สึกต่ำต้อย คุณต้องใช้คำพูดที่กระตุ้นและให้กำลังใจแก่ตนเอง คุณต้องคิดอยู่เสมอว่าคุณสมควรที่จะได้รับความมีน้ำใจเช่นเดียวกับคนอื่น ดังนั้น คุณต้องปฏิบัติกับตัวเองดีๆ เช่นกัน
       
       12. เรียนรู้ที่จะใช้ทักษการสื่อสารที่ชาญฉลาด (Learn healthy communication skills)
       
       การที่คุณสามารถสื่อสารถึงความรู้สึกและความกลัวของตัวเองแบบมีวุฒิภาวะ ไม่เผชิญหน้ารุนแรง และในแบบที่ชาญฉลาดจะส่งผลต่อความนับถือในตัวคุณ อีกทั้งยังช่วยให้ความสัมพันธ์ของคุณกับผู้อื่นดีขึ้นด้วย คนทุกคนมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือไม่มั่นคง แต่แทนที่จะซ่อนหรือลดทอนสิ่งเหล่านี้ลง คุณควรพยายามปรับปรุงสภาวะทางอารมณ์เพื่อลดปฏิกิริยาตอบโต้และสร้างความน่าเชื่อถือให้มากขึ้น
       
       13. พอใจที่จะสร้างขอบเขตของตัวคุณ (Be willing to set boundaries)
       
       เมื่อใดที่คุณไม่รักตัวเอง มันหมายถึงการอนุญาตให้คนอื่นเอาเปรียบตัวคุณ บางครั้งเราอาจไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น เพราะเราไม่เคยที่จะกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างสิ่งที่คุณต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติกับคุณกับสิ่งที่คุณไม่ต้องการ การทำแบบนี้อาจดูยากหากคุณปล่อยให้ผู้อื่นทำเช่นนี้จนเคยชิน ดังนั้น ขอให้คุณเริ่มบอกถึงขอบเขตของคุณและพยายามที่จะฝึกการอยู่ในขอบเขตนั้นอย่างแน่วแน่
       
       14. รู้จักพูดเพื่อตัวเอง (Speak up for yourself)
       
       ส่วนหนึ่งในการสร้างและปฏิบัติตัวภายในขอบเขตของตัวคุณคือการรู้จักที่จะพูดเพื่อตัวเอง ถ้าใครพูดหรือทำสิ่งใดที่คุณไม่ชอบ หรือคุณมีความเห็นที่ต้องปิดบังเพราะอาจทำให้คนอื่นกลัวหรือโกรธ คุณต้องพยายามก้าวข้าม “เขตสบาย” (comfort zone) ของตัวเองและกล้าพูดถึงสิ่งที่อยู่ในใจของคุณออกมา คุณสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้อย่างสบายๆ แต่แน่วแน่ ถึงแม้ว่าจะต้องฝืนใจเสแสร้งทำมันในตอนแรกๆ ก็ตาม
       
       15. ดูแลและใส่ใจตัวเอง (Take care of yourself)
       
       คุณควรแสดงความรักและเห็นอกเห็นใจในตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการปฏิบัติกับร่างกาย จิตใจ หรือแม้แต่อารมณ์ โดยการทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกาย พักผ่อนให้เพียงพอ ไปพบแพทย์ ดูแลความสะอาดของร่างกาย และหาวิธีที่จะกระตุ้นจิตใจให้สงบเงียบและสบาย เมื่อคุณทำสิ่งเหล่านี้กับตัวเองเหมือนกับที่ปฏิบัติกับผู้อื่น คุณก็จะรู้สึกมีคุณค่ามากยิ่งขึ้น
       
       16. พยายามทำในสิ่งที่รัก (Find your passion)
       
       เมื่อคุณพบบางอย่างที่คุณรัก ไม่ว่าจะเป็นงานหรือแม้แต่งานอดิเรก คุณจะพบว่าชีวิตต้องการอะไร การได้ทำในสิ่งที่รักทำให้คุณยินดีตื่นแต่เช้าและกระตือรือร้นที่จะทำสิ่งเหล่านั้นด้วยทักษะและความถนัดที่คุณมีอยู่ และมันจะนำไปสู่การยอมรับในตัวเองโดยที่คุณไม่ต้องเสแสร้งเป็นในสิ่งที่คุณไม่ได้เป็น
       
       17. ทำตัวให้ง่ายและสมดุล (Simplify and create balance)
       
       ชีวิตที่ยุ่งเหยิง สับสน และเร่งรีบล้วนแต่ดูดพลังงานและทำให้คุณเหนื่อยล้า คุณต้องคิดว่าสมดุลชีวิตที่ต้องการเป็นอย่างไร และเริ่มที่จะตัดทิ้งงานหรือภาระผูกพันใดๆ ที่ไม่เกี่ยวกับชีวิตของคุณออกไปบ้าง เพื่อที่จะทำให้คุณมีช่องว่างหรือมีอากาศหายใจพอที่จะทำสิ่งที่คุณรัก ทำงานเพื่อตัวเอง และสามารถจัดสรรเวลาและพลังงานได้ดีขึ้น การปล่อยให้ตัวเองมีช่องว่างบ้างถือเป็นวิธีหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าคุณรักตัวเอง
       
       18. จัดการกับบาดแผลหรือสิ่งที่ทำให้บาดเจ็บในอดีต (Deal with past wounds) 
       
       ถ้ามีอะไรในวัยเด็กหรือในอดีตที่ผ่านมาที่ส่งผลกระทบต่อความนับถือในตัวเองของคุณ หรือเป็นข้อจำกัดต่อการรักตัวเอง ขอให้คุณพยายามหาวิธีการที่จะรักษาบาดแผลเหล่านั้น โดยคุณอาจคุยกับที่ปรึกษาที่สามารถช่วยเหลือให้คุณค้นพบถึงอดีตที่เจ็บปวด และร่วมมือกันหาวิธีที่จะสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคุณและผู้อื่นให้ดีขึ้น
       
       19. ฝึกฝนการให้อภัย (Practice forgiveness)
       
       คุณจะรักตัวเองได้ก็ต่อเมื่อคุณรู้จักที่จะให้อภัยตัวเองและผู้อื่นที่ทำให้คุณเสียใจ การให้อภัยตัวเองก็เหมือนกับการที่คุณให้อภัยคนที่คุณรักโดยไม่รู้สึกฝืนใจและทำด้วยความเห็นอกเห็นใจ การตอกย้ำตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร ขอเพียงแค่คุณทำในสิ่งที่ควรทำเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิด ยึดมั่นในความดีงาม ส่วนผลลัพท์จะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยมันไป และถ้ามีใครทำให้คุณเจ็บ ก็รู้จักให้อภัยแก่พวกเขาถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ร้องขอ การรู้จักให้อภัยเป็นก้าวสำคัญสำหรับความนับถือตัวเอง และสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
       
       20. แสดงให้ผู้อื่นเห็นถึงความรักที่คุณต้องการ (Show the love you want to others) 
       
       ถ้าคุณอยากได้ความรัก คุณต้องเข้าใจ เห็นอกเห็นใจ และปฏิบัติกับผู้อื่นในแบบเดียวกัน อย่าพยายามให้ความรักเพียงแค่ต้องการทำให้ใครคนหนึ่งรู้สึกว่าเรามีคุณค่า หรือแค่เพียงหวังสิ่งตอบแทน คุณต้องให้ความรักที่ไม่มีเงื่อนไขโดยไม่คาดหวัง ยิ่งคุณสามารถรักผู้อื่นได้อย่างใจกว้างมากเท่าใด คุณก็จะมีความรักให้กับตัวเองมากเท่านั้น
       
       การเรียนรู้ที่จะรักตัวเองเป็นกระบวนการ เมื่อคุณเริ่มไว้ใจตัวเอง และกำหนดความต้องการและความปรารถนาของตนเองได้แล้ว คุณจะต้องการเหตุผลและการสนับสนุนจากคนอื่นน้อยลง คุณต้องสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่สอดคล้องกับความเชื่อและความปรารถนาที่แท้จริงของตนเอง และมันจะนำคุณไปสู่ความมีคุณค่าและการเป็นที่รักได้อย่างยั่งยืน
       
       ด้วยความพยายามที่เต็มไปด้วยการเอาใจใส่และการเปลี่ยนทัศนคติ คุณจะพบว่าคุณสามารถนับถือตัวเองและควรค่าแก่การได้รับความรักของตนเอง
       
       “คุณมีค่าคู่ควรที่จะได้รับความรักและความชื่นชอบเหมือนกับคนอื่นๆ ในโลกนี้” (You yourself, as much as anybody in the entire universe, deserve your love and affection)
       
       ~Buddha 
โดย ผู้จัดการ Online http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9580000041294

วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

แบ่งปันกับใคร

ณ ร้านข้าวต้มในคืนหนึ่ง คนสองคนกับบทสนทนาแสนอันเรียบง่ายตามประสาคนคุ้นเคย
บลา บลา ๆๆๆๆๆๆ
ประโยคหนึ่งกล่าวว่า
เค้า!!!!  อืมมมมม นะ.....อยากมีบ้านปูนเปื่อยสวยๆ ติดภูเขา ไว้นั่งจิบกาแฟ ฟังเสียงนกในยามเช้า
แต่สะดุดตรงคำถาม แล้วคุณจะนั่งดื่มกาแฟกับใคร??? ใช่สิ+++!!!!  ชีวิตจะแบ่งปันกับใคร??
คุณรู้ตัวไหมว่า คุณเป็นคนโชคดี 
มีผู้คนมากมายรายล้อม และพร้อมจะยอมให้ ให้ อยู่เสมอ
ร้อยคนที่เจอะเจอ พันคนที่อยากจะทำ ทำเพื่อคุณ
ใช่ไหม คุณรู้สึกอย่างนั้นเหมือนกัน ไม่ว่าคุณยื่นมือออกไปเมื่อไหร่ก็เจอ 
เวลาที่มีความสุขใจ ใครเล่าที่เราคิดถึงก่อน?
เวลาที่มีเรื่องทุกข์ใจ ใครกันเล่าที่เราคิดถึงก่อน?
ชีวิตคนเรามีทุกข์มากกว่าสุข 
เวลามีความสุข มีคนมากมายที่พร้อมจะแบ่งปันความสุข 
ไม่เพียงแต่เฉพาะคนรัก กระทั่งเราเองยังสามารถอยู่ตัวคนเดียวได้
แต่ไม่ใช่จะทุกคน ที่พร้อมจะแบ่งปันความทุกข์ของเรา
ใคร คือ คนที่พร้อมแบ่งปันความทุกข์กับเราด้วย
.............
ในเวลาที่มีความทุกข์เศร้า เราคิดแบ่งปันกับใคร?
ในช่วงชีวิตหนึ่ง .. เราจะมีใครบางไหมนะ
ใครบางคนที่ต่อกันติดแม้ไม่ต้องสบตา
ใครบางคนที่แม้ไม่ต้องเอ่ยวาจา ก็รู้ว่าต้องการสิ่งไหน
ใครบางคนที่ไม่เคยเอ่ยปากว่ารัก ก็รู้ใจ
ใครบางคนที่หันหลังไปพันครั้ง ก็ยังไม่เคยเกลียดเลย

เขียน 11 May 2015

วันพุธที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

คุยกับสมอง by หนูดี วนิษา (Woody Talk) 12-08-12

NLP การโปรแกรมจิต ชีวิตปาฏิหาริย์ ใน 21 วัน

วันพิเศษคุณทำอะไร You made my day

ถ้าวันนี้เป็นวันพิเศษของคุณ...คุณทำอะไร

แล้วทำไมต้องรอให้ถึงวันพิเศษล่ะ ...ในเมื่อทุกวันมันก็เป็นวันพิเศษได้เสมอ

รักเธอนะ ชีวิต ร่างกาย เสมอ จิตใจ

#You  Made May Day#




วันอังคารที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2560

6 วิธีที่ทำให้รักเชื่อใจกัน

6 วิธีที่ทำให้รักเชื่อใจกัน

1. อย่าปิดบังกัน มีอะไรดีใจ เสียใจ ไม่สบายใจ หนักใจ ก็ควรบอกให้คนรักของคุณรับรู้ เธอจะได้เข้าใจคุณ และไม่คิดมาก

2. พูดคุยสร้างความเชื่อมั่นในกันและกัน ให้เธอมั่นใจว่าคุณรักเธอคนเดียว

3. หากิจกรรมทำร่วมกันเพื่อสร้างความสนิทสนมกลมเกลียวกัน อย่าปล่อยให้ความห่างเหินเข้ามาทำร้ายความรักของคุณและคนที่คุณรัก

4. หากคนรักของคุณระแวง สิ่งที่ห้ามอย่างยิ่งก็คือ โกหก แม้คุณจะคิดว่าการโกหกจะทำให้คนรักสบายใจ ไม่ต้องคิดมาก แต่ถ้าวันใดเธอรู้ว่าคุณ

โกหก หรือปิดบังเธอ เธอจะเหมาว่าทุกอย่างที่เธอคิดระแวงต้องเป็นจริง ทางที่ดีคุณต้องสร้างความมั่นใจให้เธอ เธอก็จะเข้าใจคุณในที่สุด

5. รักษาความเสมอต้นเสมอปลายไว้ อย่าเปลี่ยนแปลง เพราะผู้หญิงจะรู้สึกได้ทันทีว่าคุณไม่เหมือนเดิม

6. อย่าผิดสัญญา ถ้าคุณเคยสัญญาอะไรกับเธอไว้ คุณต้องไม่ลืมเป็นอันขาด เพราะเธอจะจำได้แม่นมาก แม้จะไม่พูดก็ตาม และเมื่อคุณลืมบ่อย ๆ

เธอก็จะคิดว่าเธอไม่มีความสำคัญสำหรับคุณเลย

Cr.by https://my.dek-d.com

วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เพลง เวลาของเรา

เพลง เวลาของเรา
ศิลปิน ปนัดดา เรืองวุฒิ และ โอ๊ค สมิทธิ์
อัลบั้ม คู่รักเพลงละคร
คำร้อง/ทำนอง: ปัญญา ปคูณปัญญา
เรียบเรียง: เรืองกิจ ยงปิยะกุล
เพลงประกอบละคร คิวบิก

เธอรู้ไหมว่าในชีวิตฉันไม่เคยฝันอะไรยิ่งใ­หญ่
ไม่มากมาย แค่อยากมีคนรักข้างๆ กัน
ฉันไม่เคยยอมแพ้ แม้มีสิ่งไหนมากมายเท่าไร
ที่มากั้น ก็ยืนยันจะรักทั้งหัวใจ

ฉันเชื่อมั่นในคำว่ารัก
เพราะรู้ว่าใจเรานั้นมั่นคงกว่าใคร

อยากให้รู้ว่าฉันจะยืนอยู่เคียงข้างเธอไ­ม่จากไปไหน
ไม่ว่าร้อนหรือหนาวต้องเจออะไร จะผ่านไปด้วยกัน
ต่อให้มีอะไรเปลี่ยนไป แต่ใจของฉันเหมือนเดิมทุกทุกวัน
เชื่อในรักเราเฝ้ารอด้วยกัน จนกว่าถึงเวลาของเรา

แค่ได้พบแค่เพียงสบตาฉันก็สุขใจ เมื่อเราได้อยู่ใกล้ๆ กัน
อยากให้เป็นอย่างนั้นเรื่อยๆ ไป
รู้ไหมในใจนี้ฉันมีแต่เธอมานานเท่าไร
ทั้งหัวใจไม่มีใครในนั้นยกเว้นเธอ

ฉันเชื่อมั่นในคำว่ารัก
เพราะรู้ว่าใจเรานั้นมั่นคงกว่าใคร

อยากให้รู้ว่าฉันจะยืนอยู่เคียงข้างเธอไ­ม่จากไปไหน
ไม่ว่าร้อนหรือหนาวต้องเจออะไร จะผ่านไปด้วยกัน
ต่อให้มีอะไรเปลี่ยนไป แต่ใจของฉันเหมือนเดิมทุกทุกวัน
เชื่อในรักเราเฝ้ารอด้วยกัน จนกว่าถึงเวลาของเรา

อยากให้รู้ว่าฉันจะยืนอยู่เคียงข้างเธอไ­ม่จากไปไหน
ไม่ว่าร้อนหรือหนาวต้องเจออะไร จะผ่านไปด้วยกัน
ต่อให้มีอะไรเปลี่ยนไป แต่ใจของฉันเหมือนเดิมทุกทุกวัน
เชื่อในรักเราเฝ้ารอด้วยกัน จนกว่าถึงเวลาของเรา

จะนานสักเพียงไหน จะรอถึงวันนั้น
เชื่อในในรักเราเฝ้ารอด้วยกัน
วันพรุ่งนี้คือวันของเรา

วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ฉลาดเกมส์โกง

เรื่องย่อ ฉลาดเกมส์โกง

"ฉลาดเกมส์โกง" เรื่องราวของเด็กฉลาด กับภารกิจโกงข้อสอบ เปลี่ยนกระดาษคำตอบให้เป็นเงินล้าน ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ "ธุรกิจกลางสนามสอบ" ของ ลิน (ออกแบบ-ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง) นักเรียนทุนเจ้าของเกรดเฉลี่ย 4.00 ทุกปีการศึกษา ธุรกิจที่มีจุดเริ่มต้นจากการช่วยเพื่อนสนิทอย่าง เกรซ (อุ้ม อิษยา ฮอสุวรรณ) เด็กกิจกรรมตัวยงแต่ผลการเรียนย่ำแย่ และ พัฒน์ (เจมส์ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ) เด็กบ้านรวยที่คิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง ด้วยการแชร์คำตอบกลางห้องสอบ จนกลายเป็นวงการลอกขนาดใหญ่ ที่นักเรียนหลายคนในโรงเรียนยินดีจ่ายค่าตอบแทนแบบสูงลิบ แลกกับการได้รับคำตอบจากอัจฉริยะอย่างลิน



           เงินในบัญชีของลินเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากธุรกิจการโกงสอบในโรงเรียน จากหลักหมื่นเป็นหลักแสน จนวันหนึ่งเธอก็มีโอกาสที่จะอัพเงินในบัญชีให้แตะหลักล้าน เมื่อพัฒน์และเกรซยื่นข้อเสนอสุดท้าทายให้เธอ นั่นคือการโกงข้อสอบ STIC ซึ่งเป็นการสอบเพื่อใช้คะแนนยื่นเข้ามหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก ที่นักเรียนทุกประเทศต้องสอบในเวลาเดียวกัน โอกาสในการลอกให้รอดเท่ากับศูนย์ แต่ลินก็ยอมเสี่ยงเพื่อแลกกับเงินล้าน ด้วยการบินไปสอบในประเทศที่เวลาเร็วกว่าเมืองไทย เพื่อที่จะได้เห็นข้อสอบก่อน และส่งคำตอบกลับมาให้ลูกค้าในเมืองไทย ปัญหาเดียวก็คือเธอต้องการคนฉลาดอีกหนึ่งคนมาช่วยให้ภารกิจการโกงครั้งนี้สำเร็จ และคนๆ นั้นก็คือ แบงค์ (นน ชานน สันตินธรกุล) นักเรียนทุนคู่แข่งของเธอ ผู้เกลียดการโกงเป็นชีวิตจิตใจ ลินจะทำอย่างไรให้แบงค์ตกลงร่วมมือกับเธอ และเกมส์โกงข้ามโลกนี้จะจบลงอย่างไร


หนังเริ่มต้นนำเสนอการลอกข้อสอบในประเด็นเล็กๆก่อนแล้วค่อยขยายสเกลไปไกลจนมันถูกพัฒนาเป็นธุรกิจ  ระหว่างทางการไต่ระดับความพีคของการโกงข้อสอบนั้น หนังก็ไม่ลืมที่จะพูดถึงประเด็นอื่นๆที่ช่วยตอกหน้าระบบการศึกษาในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการกวดวิชาที่นับวันมันยิ่งสะท้อนปัญหาการศึกษาไทยว่าหลายคนเลือกที่จะเรียน "เพื่อสอบ" มากกว่าเรียน "เพื่อรู้" จะว่าไปก็ระบบมันก็คัดคนเก่งจากคะแนนสอบซะเป็นบ้าเป็นหลังขนาดนี้ งานนี้ก็เลยไม่รู้ว่าจะโทษใคร? 


อย่างไรก็ดี ฉลาดเกมส์โกง ไม่ได้มาตีแผ่เด็กขี้โกงหรือชี้นำเทคนิคการโกงข้อสอบ หรือ how to เปลี่ยนกระดาษคำตอบให้เป็นเงินล้านให้เด็กนักเรียน แต่เขาตั้งใจเน้นตีแผ่ระบบการศึกษาไทย ค่านิยมด้านการศึกษา และระบบทุนนิยมในสังคมไทย เช่น
  • เกรดเฉลี่ยและคะแนนที่สูงเป็นใบเบิกทางให้ทุกอย่าง เสมือนเป็นสิ่งเดียวในจักรวาลที่ชี้วัดคุณค่าของเด็กได้
  • พ่อของลินยอมส่งเสียลูกเรียนโรงเรียนแพง ๆ เพราะโรงเรียนนั้นมีทุนให้เด็กไปเรียนต่อเมืองนอกเยอะ (แต่เราก็งง ๆ นะ พ่อนางบอกว่าที่รร.นี้มีทุนเยอะ แต่ ผ.อ. กลับบอกให้ ลิน กับ แบงค์ แย่งทุนเรียนต่อที่สิงคโปร์กันเอง เพราะมีให้แค่ทุนเดียว)
  • จะส่งลูกเรียนโรงเรียนดี ๆ แพง ๆ ไม่ได้ต้องจ่ายแต่ค่าเทอม แต่ต้องจ่ายค่าแปะเจี๊ยะหรือเงินปากถุงหลักหมื่นหลักแสนกันอีก ซึ่งค่าเหล่านี้มักมาในรูปแบบของ ‘ค่าบำรุงรักษาสถานศึกษา’
  • ครูที่เพิกเฉยกับการทุจริตของนักเรียน
  • ครูที่ยกย่องและให้อภิสิทธิ์เด็กเรียนดีเหนือกว่าเด็กคนอื่น เพราะเด็กเหล่านี้จะสร้างชื่อเสียงให้รร.
  • ครูในรร.ที่สอนพิเศษวิชาตัวเองแล้วออกข้อสอบเหมือนที่ตัวเองสอนพิเศษเด๊ะ ประมาณว่า ใครจ่ายเงินเรียนพิเศษกับกู ก็โชคดีไป
นอกจากนั้น หนังยังพยายามสอดแทรกประเด็นเรื่อง “ทางเลือก” ว่า ถึงแม้ต้นทุนชีวิตอาจไม่เท่ากัน แต่จริง ๆ แล้ว เราสามารถเลือกได้หรือเปล่า ชีวิตเรามีทางเลือก ก. ข. ค. ง. จ. หรือเปล่า

ไม่รู้สิ รู้สึกยังไม่ชอบตอนจบของหนังเท่าไหร่ มันน่าจะมีอะไรมากกว่านี้น่าจะฉีกไปไม่ใช่พูดเฉพาะในแง่ของเด็ก ฉลาด 2 คนอย่างเดียว เหมือนหนังเชพตัวเองอยู่


วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ทฤษฏีความรัก เนื้อหาต้นฉบับเขียนโดย ปรเมศวร์ กุมารบุญ

ทฤษฏีความรัก 

เนื้อหาบางส่วนมาจากงานเขียนโดย ปรเมศวร์ กุมารบุญ 

Triangle of Love

นักจิตวิทยาชื่อ ศ.ดร. Robert Sternberg แห่งภาคจิตวิทยา มหาวิทยาลัยเยลล์ ได้พัฒนาทฤษฎีความรักขึ้นมาว่าด้วยองค์ประกอบ 3 ประการ เรียกว่าทฤษฏี Triangle of Love ที่ก่อให้เกิดความรักในรูปแบบต่างๆ ขึ้นมาอธิบายได้ โดยปลายของสามเหลี่ยมแต่ละด้าน คือ
Intimacy คือ ความรู้สึกใกล้ชิด ผูกพัน และมีพันธนาการใจ
Passion คือ ความรู้สึกหลงใหลไปในทางชู้สาว ถูกใจในรูปภายนอก และมีเป้าหมายอยากมีสัมพันธ์สวาท
Commitment คือ ในระยะสั้นการตัดสินใจอะไรต้องทำร่วมกับอีกคน และในระยะยาวมีการวางแผนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตร่วมกัน

องค์ประกอบ 3 ด้าน ที่จะอธิบายสถานสภาพ "ความรัก" โดยมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกัน 7 ข้อดังนี้

1. Liking (ชอบ) หรือ Intimacy
หากมีความรู้สึกด้านนี้เพียงอย่างเดียว คือ กรณีที่ไม่มีความรู้สึกรักจริงเกิดขึ้นเลย Sternberg กล่าวว่าเป็นความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนสนิทเป็นเพื่อนแท้หรือคุณลักษณะของมิตรภาพที่ดี ไม่สามารถพัฒนาความสัมพันธ์ต่อไปได้ในทาง passion หรือ long-term commitment

2. Infatuated love (หลงเสน่ห์) หรือ Passion
หากมีความรู้สึกด้านนี้เพียงอย่างเดียว คือ เป็นความรู้สึกที่คนทั่วไปกล่าวว่า “Love at first sight” แต่ไม่ได้มีความรู้สึกผูกพันใกล้ชิด (Intimacy) กันมาก่อน และไม่มีการวางแผนอนาคตที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน (Commitment) และความรู้สึกนี้สามารถหายไปได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน

3. Empty love (หมดรัก) หรือ Commitment
หากมีความรู้สึกด้านนี้เพียงอย่างเดียว คือ บางครั้งความรักจืดชืดจนหมดรักไปแล้ว แต่ยังมี Commitment ร่วมกันหรือมีอนาคตที่ต้องชีวิตร่วมกันต่อไป ไม่มีทั้ง Intimacy และ Passion อีกแล้ว เหมือนคนที่แต่งงานกันมานาน ในหลายวัฒนธรรมพิธีการแต่งงานนั้น คือการเริ่มต้นความสัมพันธ์ที่เข้าสู่ Empty love

4. Romantic love (รักแบบหวือหวา) หรือ Passion + Intimacy
คือ ความรักร้อนแรงฉันท์ชู้สาวที่มีพันธนาการทางอารมณ์และทางร่างกาย เพื่อสมปรารถนาด้านตัณหาเป็นสำคัญ แต่ไม่มีการวางแผนอนาคตที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน (Commitment)

5. Companionate love (รักแบบเห็นอกเห็นใจกัน) หรือ Intimacy + Commitment
คือ ความรักที่พบในคู่แต่งงานกันไปแล้ว ซึ่ง Passion ได้หมดไปแล้ว แต่ผลทางจิตใจยังอยู่ และยังคงตกลงปลงใจใช้ชีวิตมีอนาคตร่วมกันต่อไป
Compassionate love ไม่ได้เป็นความรักเฉพาะคู่รักเท่านั้น แต่เป็นรูปแบบความรักที่เกิดขึ้นได้กับคนทั่วไปที่เราไม่ได้ปรารถนาด้านตัณหา และเป็นความรักที่ยั่งยืนที่สุด เพราะองค์ประกอบพิเศษของ Commitment นั่นเอง เช่น ความรัก

ของสมาชิกในครอบครัว จะเห็นว่ามี Intimacy + Commitment เช่นกัน หรือความรักแบบนี้กับเพื่อนสนิทที่วางแผนจะมีอนาคตร่วมกันทำงานร่วมกัน ถือเป็นความรักในรูปแบบที่ยาวนานที่สุด

Fatuous love (รักเร็วดังสายฟ้า) หรือ Passion + Commitment คือ ความรักที่จบด้วยการแต่งงานที่แสนรวดเร็ว เช่น การจับคู่ดูตัวแล้วแต่งงานกันเลย หรือรักกันไม่กี่สัปดาห์แล้วแต่งงานกันเลย ความรักแบบนี้ขาดความผูกพันใกล้ชิดหรือขาด Intimacy นั่นเอง

Consummate love (รักที่สมบูรณ์แบบ) หรือ Intimacy + Passion + Commitment เป็น ความรักจริงในอุดมคติที่ครบทั้ง 3 ด้าน และยั่งยืนยาวนาน ความรักในรูปแบบนี้เป็นสิ่งที่คนทั้งโลกมุ่งหวัง แต่น้อยคนนักที่จะประสบความสำเร็จในความรัก

Sternberg กล่าวเตือนไว้ว่า แม้วันหนึ่งคุณได้มีความรักแบบ consummate love สำเร็จแล้วก็ตาม แต่การรักษามันให้คงอยู่นั้นยากกว่ามากนัก

Sternberg ให้ความสำคัญอย่างมากกับองค์ประกอบความรักในทางปฏิบัติ เขากล่าวไว้ว่าสุดจะพรรณนาได้ว่า “"even the greatest of loves can die" (1987, p.341) แม้แต่ความรักแบบ consummate love ก็ไม่ใช่สิ่งจีรังยั่งยืน อาทิเช่น ถ้าหาก Passion หายไปในเวลาใดก็ตาม ย่อมส่งผลว่าความรักนั้นมิใช่ consummate love อีกแล้ว



Poramez's Model ทฤษฎีวงจรชีวิตรัก
 Poramez's love life cycle Model วางเป็นแนวทางทฤษฎีวงจรชีวิตรัก (Love Life Cycle)
ให้เห็นภาพพอเข้าใจง่ายดังนี้

Stage ที่ 1 
เริ่มจีบกัน (flirting stage)
ความรักฟักตัวโลกนี้เป็นสีชมพู เกิดเรื่องราวปิ๊งปั๊งมีเรื่องราวประทับใจแอบเดินสวนสบตากันบ้าง กดไลค์เฟสบุ๊คนแรกเสมอเมื่อเราโพสต์อะไร เริ่มคุยทักแชต รู้จักมักคุ้น เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ใจตรงกันบ้าง เข้าอกเข้าใจกันบ้าง ไปเดตดูหนังฟังเพลงกินข้าว เกิดเป็นความผูกพันทางใจ Intimacy ได้ระยะเวลาหนึ่งแล้ว

Stage ที่ 2
ความรักเบ่งบาน (Growth Stage)
ตกลงปลงใจเป็นแฟนกันแล้ว จับมือถือแขนเรียกกันว่าแฟน ที่รักจ๊ะจ๊าหวานฉ่ำ (เรียกว่าบางคนน่าจะได้เสียกันตอนนี้ล่ะ) เส้นกราฟความรักโรแมนติกตั้งชัน คู่ที่อินเลิฟมากกราฟจะชันมากเกือบเป็นเส้นตรงความรักเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกว่าหลงใหลใน passion ในปลายช่วงระยะเวลานี้เชื่อว่าคือการขอแต่งงานกันหรือเริ่มอยู่กินด้วยกันแล้ว

Stage ที่ 3 
จุดอิ่มตัว (Saturated Stage)
เมื่อถึงเป้าหมายความรัก ก็เกิดความอิ่มตัว ความรักไม่สามารถอินเลิฟหรือโรแมนติกกว่านี้ได้แล้ว ไม่ใช่ว่าหมดรักนะ ยังรักกันอยู่และยังคงมีอนาคตที่ฝันร่วมกันกับคนรักเป็น Commitment อาจจะเป็นไปได้ที่ความรักจะอยู่ในช่วงระยะเวลานี้ตลอดไปจนกว่าจะอัลไซเมอร์

Stage ที่ 4 
ช่วงเวลาแสงสว่างทางปัญญา หรือ Enlightenment Stage
เป็นช่วงเวลาเลิกงานปาร์ตี้เฮฮา เลยผ่านจุดอิ่มตัวของความรักมาได้สักพักแล้ว มันอืดๆ เบื่อๆ ช่วงเวลานี้เรามองกลับไปยังจุดเริ่มต้นความรักจะเห็นความเป็นไปทั้งหมด และมันมีสองทางที่จะเป็นไปได้เมื่อผ่าน จุดอิ่มตัวในช่วงระยะเวลาที่ 3 แล้วนั่นคือ

Stage ที่ 4.1 ล่มสลาย (Decline) หมดรักกันแล้ว จบไปเลย เมื่อเลยผ่านระยะเวลาถึงจุดอิ่มตัวแล้ว ก็หมดรักไม่อยากจะอยู่ด้วยกันแล้ว แม้ไม่ได้ทะเลาะกันแต่ก็ไม่อยากเห็นหน้ากัน กราฟความรักโรแมนติกลดลงฮวบฮาบ อาจจะหมดรักได้ในวันเดียวเช่นกันกับกราฟความชันที่รักได้ในวันเดียว อย่างไรก็ตามเป็นไปได้ในคู่รักที่ทะเลาะกัน คุณค่าความรักโรมแมนติกกราฟลดลงจนติดลบ นอกจากไม่รักกันแล้วยังเกลียดกันอีก

Stage ที่ 4.2 รักเธอตลอดไป (Still loving you) เรียกชื่อช่วงเวลานี้อย่างกับชื่อเพลงของวงร็อคก้องโลก สกอร์เปี้ยน เชื่อว่าเป็นไปได้ว่าจะมีคนรักใครสักคนยาวนานตลอดไป แต่ไม่เชื่อว่ากราฟความรักโรแมนติกจะสูงเสมอจุดสูงสุดและยาวนานตลอดไป เป็นความเชื่อส่วนบุคคลของผมไม่ได้เกิดจากการวิจัย
Stage ที่ 4 ช่วงเวลาแสงสว่างทางปัญญา นั้นยังมีกรณีเพิ่มเติมที่คาดไว้ว่าจะมีโอกาสจะเป็นไปได้ นั่นคือ "การมีแฟนอยู่แล้วแต่เริ่มหลงรักคนอื่น"


อ้างอิง
Sternberg, R. J. (1986) A triangular theory of love. Psychological Review, 93,119-135.
Sternberg, R. J. (1988) The Triangle of Love: Intimacy, Passion, Commitment, Basic Books (ISBN 0465087469)


อ่านงานเขียนต้นฉบับได้ที่ https://www.gotoknow.org

วันเสาร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ดูดวงความรัก ราศีมังกร พฤษภาคม 2017

ดูดวงความรัก ราศีกรกฏ พฤษภาคม 2017

30 สิ่งที่คุณควรเลิกทำกับตัวเองเสียที Cr. By nuttaputch.com

1. หยุดใช้เวลากับคนแย่ๆ
คบคนพาล พาลไปหาผิด คบบัณฑิต บัณฑิตพาไปหาผล เรารู้จักสุภาษิตนี้กันมาแต่ไหนแต่ไร เรารู้ดีว่าคนดีๆ มักจะสอนและทำให้เราได้ใช้ชีวิตดีๆ เป็นพื้นฐาน ฉะนั้นแล้ว คุณควรรีบใช้ชีวิตอยู่กับคนดีๆ แทนที่จะไปอยู่ในสังคมของคนแย่ๆ ที่ทำให้ชีวิตของคุณไม่ไปไหน ยิ่งในเรื่องความรัก เขาว่ากันว่าถ้าคนนั้นเขาต้องการคุณจริง เขาจะมีที่ให้คุณโดยที่คุณไม่ต้องพยายามหรือต่อสู้เพื่อให้ได้มันมา อย่าเสียเวลากับคนที่ไม่เห็นค่าของคุณ ยังมีคนอีกเยอะที่ให้ความสำคัญกับตัวคุณ จำไว้ว่าคนที่อยู่เคียงข้างคุณเวลาที่คุณเวลาที่แย่และชี้ทางให้คุณได้ดีคือคนที่เป็นเพื่อนแท้ และคือคนที่คุณควรให้ความสำคัญต่างหาก

2. หยุดวิ่งหนีปัญหาของตัวเอง
การเอาแต่หนีปัญหาไม่ใช่ทางแก้ปัญหาแต่อย่างใด หากแต่เป็นแค่การยืดเวลาทรมานกับปัญหาออกไปเท่านั้น การที่คุณจะก้าวหน้าและไปสู่ชีวิตที่ดีได้ ก็คือการที่คุณก้าวข้ามอดีต ต่อสู้และเอาชนะกับปัญหาให้ได้ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ปัญหาบางอย่าง บางปัญหาต้องใช้เวลา แต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะปฏิเสธหรือมองข้ามมัน การเผชิญหน้ากับปัญหาอาจจะทำให้เราต้องทุกข์ ต้องเจ็บปวด ต้องร้องไห้ แต่นั่นก็คือบทเรียนของชีวิตที่เราต้องเผชิญหน้าและเติบโตขึ้น และมันคือสิ่งสำคัญของหล่อหลอมชีวิตเราให้อยู่กับความเปลี่ยนแปลงได้

3. หยุดโกหกตัวเอง
การโกหกตัวเองมีแต่ทำให้คุณไม่อยู่กับความเป็นจริง และเอาจริงๆ แล้วตัวคุณเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าความจริงคืออะไรเพียงแต่ไม่ยอมรับมัน ยิ่งคุณโกหกตัวคุณเองก็มีแต่ทำให้คุณไม่สามารถอยู่กับชีวิตจริงได้ การเผชิญหน้ากับความจริงเป็นสิ่งที่ยากลำบาก แต่นั่นก็คือขั้นตอนสำคัญที่ทำให้ชีวิตของเราก้าวต่อไป

4. หยุดผลัดวันประกันพรุ่ง
ชีวิตคุณมีอะไรหลายๆ อย่างที่คุณควรได้ทำ อย่าเอาเวลาที่คุณมีไปทำอย่างอื่นจนลืมทำอะไรให้ตัวเอง การช่วยคนอื่นเป็นสิ่งที่ดีแต่จะดีมากถ้าคุณไม่ลืมเป้าหมายของัวเองและเติมเต็มให้กับสิ่งที่อยากทำด้วย

5. หยุดพยายามเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณเอง
หลายๆ ทีเราอยากเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ทำได้เสมอไป ตัวตนบางอย่างไม่ได้เป็นสิ่งที่เราเกิดมาเพื่อเป็น และมันก็ไม่ใช่สิ่งที่เราจำเป็นต้องเป็น ในทางกลับกัน การที่คุณพยายามเป็นในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณจะเป็นเพียงการเสียเวลา ฝืนตัวเอง และเสียโอกาสที่จะพัฒนาส่วนเด่นของคุณเองอีกต่างหาก นอกจากนี้แล้ว การพยายามเป็นที่รักของทุกคน พยายามเอาใจทุกคนด้วยการเปลี่ยนตัวเองนั้นเป็นความคิดผิดๆ ที่จะทรมานตัวคุณเองเปล่าๆ เป็นตัวของคุณเองและให้คนอื่นภูมิใจหรือยอมรับในตัวตนที่แท้ของคุณดีกว่า

6. หยุดยึดติดกับอดีต
อดีตมีไว้ให้เรียนรู้ แต่ไม่ใช่ให้จมอยู่กับมัน ชีวิตคุณจะไม่มีวันไปไหนถ้ายังยึดติดกับเรื่องเดิมๆ คิดว่าชีวิตมันต้องเป็นแบบเมื่อวาน ความสำเร็จมันต้องเป็นแบบครั้งก่อน คุณกำลังอยู่กับ “วันนี้” และใช้ชีวิตเพื่อไปสู่ “พรุ่งนี้” ไม่ใช่การกลับไปใช้ชีวิตใน “เมื่อวาน”

7. หยุดกลัวที่จะทำผิด
ความผิดพลาดไม่ใช่เรื่องที่ใครอยากให้เกิดกัน แต่ในขณะเดียวกัน มันก็เป็นเรื่องราวสำคัญที่ทำให้คนประสบความสำเร็จ เพราะมันทำให้เขารู้ว่าอะไรดีและไม่ดี การอนุญาตให้ตัวเองได้พบกับความผิดพลาด (บ้าง) คือการเปิดใจให้กล้าลอง ได้ทดสอบหลายๆ อย่าง การลองแล้วผิดพลาดมันก็ยังดีเสียกว่าคุณไม่ได้ลองทำอะไรเลย คุณที่ประสบความสำเร็จก็ล้วนพบกับความผิดพลาดมาแล้วทั้งนั้น ถ้าคุณอยากจะไปให้ไกลขึ้น คุณก็ต้องกล้าที่จะพบกับความผิดหวังบ้าง แต่ถ้าคุณไม่กล้า คุณก็วนอยู่กับเรื่องเดิมๆ นั่นแหละ

8. หยุดโทษตัวเองกับความผิดก่อนๆ
คนเราผิดพลาดกันได้ แต่ไม่ใช่ว่าความผิดพลาดมันจะเกิดขึ้นตลอดไป ความผิดพลาดมันเกิดขึ้นในอดีต ไม่ใช่ปัจจุบัน คุณอาจจะเสียใจกับความผิดในอดีตได้ แต่อย่าเอาแต่โทษตัวเองจนไม่ได้ทำอะไรใหม่ จำไว้ว่าความผิดพลาดมันคือการปูโอกาสให้เจอสิ่งที่ใช่ การที่เราเคยคบกับคนที่ไม่ใช่ ก็เพื่อให้วันหนึ่งเราได้เจอคนที่ใช่ ความผิดพลาดในอดีตก็ทำให้เรารู้ว่าสิ่งที่ถูกคืออะไร

9. หยุดคิดที่จะเอาแต่ซื้อความสุข
ความสุขไม่ได้มาจากการใช้เงินสุรุ่ยสุร่าย จริงอยู่ว่าคุณอาจจะมีของอยากได้ที่ราคาแพง แต่นั่นไม่ใช่ทุกอย่างของความสุข อันที่จริงแล้วยังมีความสุขอีกมากมายที่คุณได้มาฟรีๆ อย่างเช่นรอยยิ้ม เสียงหัวเราะ หรือการทำในสิ่งที่ตัวเองรัก

10. หยุดคาดหวังความสุขจากคนอื่น
ประโยคประเภท “ชั้นมีความสุข เมื่อเธอมีความสุข” อาจจะฟังดูสุดโรแมนติค แต่ถ้าตัวคุณเองยังไม่มีความสุขกับตัวเองแล้ว คุณจะไปมีความสุขกับคนอื่นได้ยังไง ฉะนั้นแล้ว ความสุขเริ่มต้นจากตัวคุณเองก่อน ความคิดประเภท “ชั้นจะมีความสุขก็ต่อเมื่อมีเธอ” มันทำให้คุณต้องไปพึ่งหวังกับคนอื่นและต้องทุกข์ถ้าไม่มีอีกฝั่งทั้งที่จริงคุณเองก็สามารถสุขได้ด้วยตัวเองแต่ไหนแต่ไรแล้ว ฉะนั้น สร้างตัวเองให้มั่นคงก่อน แล้วคุณแชร์ความสุขนั้นกับผู้อื่นดีกว่าครับ

11. หยุดไม่ทำอะไรสักที
หลายคนเป็นประเภทกลัวจะสร้างปัญหา เลยไม่ลงมือทำอะไรสักอย่าง แต่นั่นก็ทำให้คุณไม่ได้ไปไหนด้วยเช่นกัน ชีวิตคุณเกิดมาพร้อมกับเวลาและโอกาสมากมาย ใช้เสียให้คุ้ม ดูสถานการณ์รอบตัวคุณแล้วคิดเสียว่าคุณจะทำอะไรได้บ้างเพื่อจะพาชีวิตก้าวไปข้างหน้า แล้วก็เริ่มลงมือทำได้แล้ว

12. หยุดคิดว่าคุณไม่พร้อม
ไม่มีใครพร้อม 100% ตอนที่ได้รับโอกาส เพราะเอาเข้าจริงๆ การนิยามว่า “พร้อม” นั้นมันไม่มีคำนิยามที่เป๊ะๆ หรอก แถมเอาเข้าจริงๆ มันเป็นสิ่งที่คุณคิดไปเองทั้งนั้น โอกาสดีๆ ในชีวิตมันมาพร้อมกับการทำให้คุณก้าวไปสู่สิ่งที่คุณยังไม่เคยได้ทำ สิ่งที่คุณยังไม่มีประสบการณ์ ฉะนั้นมันไม่มีทางที่คุณจะพร้อมอยู่แล้ว มันอยู่แต่ว่าคุณจะยอมทำมันไหมต่างหาก

13. หยุดไปมีความสัมพันธ์ด้วยเหตุผลผิดๆ
การมีความสัมพันธ์ใดๆ นั้นเป็นเรื่องที่ต้องคิดและพิจารณากันดีๆ ชีวิคคู่ในหลายๆ ครั้งไม่ได้นำไปสู่เรื่องดีๆ แถมยังทำให้ชีวิตย่ำแย่เสียอีกต่างหาก ผมมักพูดเสมอบ่อยๆ ว่าถ้ามีคู่แล้วไม่ดี ก็อยู่เป็นโสดเสียดีกว่า อย่าไปคิแบบนิยายว่ารักคือสิ่งสวยงามที่จะทำให้ชีวิตของคุณมีแต่สีชมพู เราเห็นกันมาเยอะแล้วว่าเวลารักขมมันทำให้ชีวิตแต่ละคนย่ำแย่แค่ไหน ถ้าจะมีความรักอะไรนั้น ให้มีวันที่คุณพร้อมจะมี ไม่ใช่มีเพราะคุณแค่อยากจะหายเหงา

14. หยุดคิดว่าจะเป็นโสดแค่เพราะรักครั้งที่แล้วมันแย่
การมีความรักที่ผิดพลาดมาเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่มันไม่ใช่ว่ารักครั้งใหม่มันจะต้องแย่เหมือนรักครั้งก่อน คุณที่คุณเจออยู่อาจจะเป็นคนที่ “ใช่” และทำให้ชีวิตของคุณดีก็เป็นไปได้ ฉะนั้นแล้วเปิดโอกาสให้ตัวเองบ้าง ไม่ใช่ปิดประตูเพราะเอาแต่คิดว่า “ผู้ชายทุกคนมันเลว” หรือ “ผู้หญิงทุกคนนั้นแย่” (ไอ้ที่แย่น่ะมันแค่คนบางคนที่คุณเจอ หรือบางทีอาจจะเป็นที่ตัวคุณเองต่างหากเล่า)

15. หยุดแข่งกับคนอื่น
การเทียบกับคนอื่นมีแต่จะทำให้คุณรู้สึกอคติกับตัวเองเพราะต้องมานั่งกังวลว่าคนอื่นเขาจะดีกว่าคุณเมื่อไร เขาจะนำคุณเมื่อไร มันกลายเป็นเป้าหมายชีวิตของคุณไปผูกอยู่กับคนอื่นแทนที่คุณจะมานั่งสนใจกับตัวคุณเอง ฉะนั้นแล้ว ตั้งเป้าหมายในการแข่งกับตัวคุณเอง เอาชนะตัวเองในวันก่อนๆ ให้ได้คือสิ่งที่คุณควรจะคิดมากกว่านะครับ

16. หยุดอิจฉาคนอื่น
การอิจฉาเป็นกิเลสที่เผาตัวคุณอย่างไม่มีวันจบ ยิ่งคุณอิจฉาคนอื่นมันก็จะยิ่งทำให้คุณทรมานมากขึ้นเท่านั้น มันทำให้คุณวนเวียนแต่กับการคิดไม่ดีกับคนอื่น คิดแต่จะทำให้คนอื่นแย่กว่าตัวเอง ถ้าคนอื่นดีกว่าคุณ คุณก็โทษตัวเองไปในตัว แล้วมันนำไปสู่อะไรกันล่ะ? หยุดอิจฉาคนอื่นแล้วมาสนใจตัวคุณเองดีกว่า นอกจากไม่ทุกข์แล้ว คุณอาจจะรู้สึกดีกับตัวเองมากขึ้นด้วย

17. หยุดโทษตัวเอง
อย่างที่บอก (อีกแล้ว) ว่าคนเราผิดพลาดกันได้ คุณเองก็ผิดได้ เจ้านายคุณก็ผิดได้ เพื่อนคุณก็ผิดได้ อย่าเอาแต่คิดว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะคุณ สิ่งต่างๆ มันมีปัจจจัยที่มาเกื้อหนุนให้ “เกิดขึ้น” ไม่ใช่แค่เพราะคุณคนเดียว เรียนรู้จากความผิดพลาดและยิ้มให้กับตัวเองแทนที่จะเอาแต่โทษตัวเองไปเรื่อยๆ

18. หยุดอาฆาตแค้น
นอกจากความอิจฉาแล้ว การอาฆาตแค้นเป็นเรื่องที่ชีวิตคุณไม่ควรเอามาถือไว้เลยสักนิด การเกลียดคนอื่นมีแต่จะทำให้ชีวิตคุณแย่และทำร้ายตัวคุณเองมากกว่าที่คนซึ่งคุณเกลียดทำกับคุณเสียอีก การให้อภัยหรือปล่อยมันไปเป็นเรื่องไม่ง่ายแต่นั่นก็คือสิ่งที่ทำให้คุณหลุดพ้นจากวังวนที่ทำให้ชีวิตคุณแย่ คุณต้องกล้าที่จะบอกว่า “ฉันจะไม่ให้เธอมาทำลายความสุขของฉันอีก” แล้วก็อย่าไปสนใจมันอีก แค่นั้นแหละครับ

19. หยุดให้คนอื่นมาฉุดให้คนลงไปอยู่กับพวกเขา
หลายๆ ครั้งที่คุณรู้ว่าชีวิตคุณมีดีกว่าที่จะตอบโต้หรือลงไปอยู่ในมาตรฐานเดียวกับคนบางกลุ่ม ฉะนั้นก็อย่าเอาตัวเองลงไปอยู่ในระดับที่ต่ำลง เหมือนบัว 4 เหล่าที่คุณไม่ควรลงไปยุ่งและทำตัวแบบเดียวกับบัวที่อยู่ต่ำกว่าคุณนั่นแหละครับ

20.  หยุดเอาเวลามานั่งอธิบายตัวเองให้คนอื่นฟัง
คนที่เขาเข้าใจและแคร์คุณ (และคนที่คุณควรแคร์) เขาไม่ต้องมานั่งฟังคุณอธิบายว่าคุณเป็นอย่างไร เพราะเขาจะเข้าใจคุณตั้งแต่แรกโดยแทบไม่ต้องพูดอะไรสักนิด ในขณะเดียวกัน คนที่เขาเกลียดคุณหรือเป็นศัตรูคุณเขาก็ไม่มานั่งฟังคุณเช่นกัน (คุณอธิบายไปก็เท่านั้นแหละ)

21. หยุดทำอะไรโดยไม่มีหยุดพัก
จริงอยู่ว่าชีวิตมีเวลาจำกัดที่คุณต้องรีบใช้ให้คุ้ม แต่การคุ้มไม่ใช่แปลว่าคุณไม่ได้พักอะไรเลย การพักบ้างอะไรบ้างมันทำให้คุณได้ถอนหายใจ ได้พิจารณาอะไรหลายๆ อย่างระหว่างพัก ลองหาเวลาที่จะหยุดทำอะไรสักพักแล้วให้เวลากับตัวเองในเรื่องอื่นบ้างก็ไม่เสียหายหรอกครับ

22. หยุดมองข้ามความสวยงามเล็กๆ น้อย
การหาความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บ้างมันเป็นเรื่องที่ดีและทำให้คุณเห็นคุณค่าของ “เวลา” และ “ชีวิต” มากกว่าที่คุณคิด คุณอาจจะมีเป้าหมายใหญ่ที่ต้องวิ่งไปข้างหน้าอีกนาน แต่อย่าลืมแวะสนุกกับเรื่องราวริมทางบ้าง มันจะดีมากถ้าคุณสามารถมีความสุขกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นเดียวกับความสุขใหญ่ๆ ที่ปลายทาง
23. หยุดทำให้ทุกอย่างเพอร์เฟค

โลกความจริงมันไม่เหมือนโลกอุดมคติ ไม่มีอะไรที่จะเสร็จสมบูรณ์ไปได้ คนเราย่อมคิดอะไรที่จะแต่งแต้มและเพิ่มให้ดีขึ้นได้อีกเรื่อยๆ การที่เอาแต่บอกว่ามันต้องสมบูรณ์เท่านั้นมันเป็นการตีกรอบให้หลายๆ ทีคุณไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่างเพราะคุณเอาแต่คิดว่า “มันไม่ดีพอ” สักกะที

24. หยุดเดินตามเส้นทางที่เน้นปลอดภัยอย่างเดียว
ใครๆ ก็อยากรู้สึกปลอดภัยอยู่ใน Comfort Zone แต่นั่นก็ทำให้คุณไม่ได้ไปไหนไกล การจะประสบความสำเร็จหรือได้สิง่ที่คุณคู่ควรนั้น ส่วนหนึ่งคือการลองทำสิ่งใหม่ๆ การทำอะไรที่ยากๆ หรือทำอะไรที่แตกต่างไปจากเดิม ฉะนั้นแล้ว อย่าเอาแต่เลือกเส้นทางแบบ “รักสบาย” ตลอดไป บางครั้งคุณต้องกล้าจะเลือกทางที่จะยากลำบากบ้าง (แล้วมันอาจจะดีเสียกว่าที่คุณเลือกทางสบายๆ เสียอีก)

25. หยุดทำเป็นเหมือนว่าทุกอย่างไม่เป็นไรทั้งที่จริงมันไม่ใช่
การมองโลกในแง่ดีกับการมองโลกโดยไม่อยู่กับความจริงมันเป็นเรื่องที่ฟังดูคล้ายๆ กันแต่ได้ผลคนละเรื่อง คุณไม่จำเป็นต้องทำตัวเป็นคนที่แข็งแกร่ง ไม่กระเทือน ไม่รู้สึกรู้สาตลอดเวลา บางทีคุณก็ต้องปล่อยให้ตัวเองรู้สึกบ้างอะไรบ้าง เดือดร้อนบ้างตามประสามนุษย์ มันทำให้คุณมีโอกาสได้เป็น “คน” อย่างที่คุณเป็นอยู่แหละครับ

26. หยุดพยายามเป็นทุกอย่างเพื่อทุกๆ คน
ความคิดเรื่องของการเป็น “คนของประชาชน” ไม่ใช่เรื่องที่คนธรรมดาอย่างคุณควรจะทำ (เว้นแต่คุณจะพยายามเป็นนักการเมืองน่ะนะ) คุณต้องไม่ลืมว่าคนรอบข้างคุณไม่ได้คิดเหมือนกันทุกคน ยิ่งคุณรู้จักคนเยอะ เกี่ยวข้องกับคนเยอะ มันก็ยิ่งมีความต้องการมากมาย ความคาดหวังที่หลากหลาย แล้วมันคงไม่ใช่เรื่องที่คุณจะต้องปรับตัวเองเพื่อให้ตอบสนองทุกๆ อย่าง เพราะสุดท้ายก็จะมีแต่ทำให้ตัวตนของคุณบิดเบี้ยวเสียอีกต่างหาก

27. หยุดโทษคนอื่นสำหรับปัญหาของคุณ
การไม่รับผิดชอบกับชีวิตตัวเอง แต่โยนความรับผิดชอบให้กับผู้อื่นคือนิสัยของคนที่จะไม่มีวันโตเพราะเขาจะไม่มีวันเรียนรู้จากความผิดพลาดได้ คนที่จะประสบความสำเร็จคือคนประเภทที่กล้า “รับผิด” และ “รับชอบ” กับตัวเอง ไม่ใช่เอาแต่ “รับชอบ” อย่างเดียว

28. หยุดกังวลเกินไป
การเอาแต่กังวลไปเสียทุกอย่างมีแต่จะทำให้สมองของคุณรวมทั้งความรู้สึกของคุณไม่ได้อยู่ในภาวะที่จะนำไปสู่ความสุขเลยแถมยังจะฉุดตัวคุณเองในแต่ละวันด้วยซ้ำ เรื่องบางเรื่องคุณอาจจะกังวลได้ แต่เรื่องบางเรื่องมันยังไม่ถึงเวลา หรือไม่ใช่เรื่องที่คุณควรจะกังวล ถามตัวเองให้ดีเวลาที่คุณจะกังวลกับอะไรว่าคุณควรจะกังวลกับมันไหม

29. หยุดคิดถึงแต่สิ่งที่คุณไม่อยากให้เกิดขึ้น
แทนที่คุณจะเอาสมาธิไปมัวคิดว่าจะเกิดอะไรที่ไม่พึงประสงค์ คุณควรไปนั่งคิดมากกว่าว่าจะทำอะไรให้เกิดสิ่งที่คุณพึงประสงค์ การคิดในแง่บวก (แบบไม่เกินจริง) คือพื้นฐานที่ทำให้คนคิดก้าวไปสู่ความสำเร็จ ฉะนั้นแล้ว เอาพลังและเวลาที่คุณมีไปคิดถึงแต่สิ่งดีๆ ที่คุณอยากทำให้เกิดขึ้นดีกว่าครับ

30. หยุดเฉยชากับโลก
ไม่ว่าโลกมันจะแย่หรือจะดี มันคงจะดีกว่าที่คุณจะรู้สึกดีที่มีชีวิตอยู่และมีวันนี้ (รวมทั้งพรุ่งนี้) มีคนมากมายที่ชีวิตแย่กว่าคุณ (เชื่อเหอะว่ามีจริงๆ) รู้จักยินดีกับสิ่งที่คุณมี พอใจกับความสุขที่คุณได้ในแต่ละวันมันทำให้คุณอยากมีชีวิตต่อไปแทนที่จะมานั่งคิดว่าคุณพลาดอะไรไปบ้าง หรือขาดอะไรไป

วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

นิทาน 5 คำแห่งความสุขและความเศร้า คือคำว่า เดี๋ยวมันก็ผ่านไป “This, too, shall pass.”

นิทาน 5 คำแห่งความสุขและความเศร้า 

คือคำว่า 

❤เ ดี๋ ย ว มั น ก็ ผ่ า น ไป❤
  😂“This, too, shall  pass.”🤣 


            กษัตริย์โซโลมอนทรงมีพระประสงค์จะทดสอบปัญญาของอำมาตย์นาม เบเนอา โดยรับสั่งให้เสาะหาแหวนวิเศษอันมีอำนาจที่จะทำให้มนุษย์ผู้กำลังมีความสุข กลายเป็นระทมทุกข์ได้ เพียงจ้องมองแหวนนั้น และขณะเดียวกันก็สามารถบันดาลให้ผู้เศร้าหมองสามารถรู้สึกสุขขึ้นมาได้  เพียงเพราะมองแหวนวิเศษวงเดียวกัน
         
            เบเนอาหายไปหลายเดือน และกลับมาพร้อมแหวนทองหน้าตาธรรมดา  ราชาโซโลมอนนึกเยาะว่า คราวนี้ขุนนางคนเก่งคงถึงคราวเซ็ง เพราะแหวนวิเศษอะไรนั่น มันมีเสียที่ไหนในโลกนี่เล่า  พระองค์ทรงโมเมขึ้นมาขำ ๆ เพื่อแกล้งข้าราชบริพารของท่านเล่นยามว่างเท่านั้น (ว่าแล้วก็ทรงพระสรวล)
         
           แต่เมื่อได้เห็นข้อความสลักบนแหวน คิงโซโลมอนก็เบรกสรวลแทบไม่ทัน  ข้อความภาษาฮีบรูบนแหวนนั้น ปรากฎเป็นประโยคว่า “Gimel, Zayin, Utd”
            แปลเป็นภาษาอังกฤษคือ “This, Too, shall  pass.”
            และแปลเป็นภาษาไทยอีกทีว่า “และสิ่งนี้  ก็จะผ่านไปเช่นกัน”
            กษัตริย์โซโลมอน แม้จะทรงขี้แกล้ง แต่ก็ทรงพระปรีชา  พระองค์รู้ได้ในทันทีว่า  เบเนอา  มหาอำมาตย์เอกได้บรรลุภารกิจแล้ว

เราจะไม่รู้ซึ้งถึงนิทานเรื่องนี้เลยถ้าเราไม่คิดตาม

วันนี้ไม่ว่าคุณจะมีความสุข หรือความทุกข์

จำไว้

เ ดี๋ ย ว มั น ก็ ผ่ า น ไ ป  “This, too, shall  pass.” 💘


วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ฉากสุดท้าย พัณนิดา เศวตาสัย





เก็บรอยฝันกับความหลังไว้เพื่อลาจาก เก็บความรักฝากกลอยใจไปกับสายลม

เพียงเธอโบกมือลายิ่งพาใจให้ตรม

หักใจไม่ขื่นขมระทมปวดร้าว



ต่อจากนี้คงจะเหลือฉันและแผลเก่า

ตัดใจเราจากความหลังพังยับเยิน

เธอได้ฝากรอยใจฉันกลายเป็นส่วนเกิน

ฉันจะเดินโดยไม่มีเธออีกแล้ว



ต่อไปเธอเป็นเพียงแค่ความหลัง

เป็นรอยฝังเป็นเพียงบทเรียน

จะลืมเธอสิ้นลมลืมคนที่ใจแปรเปลี่ยน

หากเรียนรักต่อไปใจคงปวดร้าว



จากคนนี้สู่คนนั้นฉันต้องลาก่อน

ฉากบางตอนที่มีฉันพลันจบสิ้นลง

ไม่มีคนร่วมฝันไม่มีความมั่นคง

ฉากนี้คงจบลงด้วยการจากลา



ต่อไปเธอเป็นเพียงแค่ความหลัง

เป็นรอยฝังเป็นเพียงบทเรียน

จะลืมเธอสิ้นลมลืมคนที่ใจแปรเปลี่ยน

หากเรียนรักต่อไปใจคงปวดร้าว



จากคนนี้สู่คนนั้นฉันต้องลาก่อน

ฉากบางตอนที่มีฉันพลันจบสิ้นลง

ไม่มีคนร่วมฝันไม่มีความมั่นคง

ฉากนี้คงจบลงด้วยการจากลา

วันจันทร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

กาลเวลา





ความทรงจำของชีวิตไม่ต่างอะไรกับรสของกาแฟหวานหอม ยิ้ม สุข ขื่นคอ ขม ทุกข์ล้วนแต่คละเคล้ากันไปเลือกที่จะรับ เลือกที่จะให้ร้อนเย็นแค่ไหน ก็อยู่ที่ใจจะเลือกเอา/บันทึกรักนักบัญชี


เรื่องเศร้าของเมล็ดกาแฟ









 "เรื่องเศร้าของเมล็ดกาแฟ (Coffee Beans)" เล่มนี้ได้รับอิทธิพลมาจากหนังสือนิทานคลาสสิกต่างๆ รวมถึงภาพยนตร์และเรื่องเล่าในวันเด็กของผู้เขียน ซึ่งพยายามจะสะท้อนถึงด้านต่างๆ ของโลก และมุมมองในปัจจุบันในรูปแบบของนวนิยายเรื่องสั้นสำหรับเด็กและผู้ใหญ่


นิทาน เรื่อง เวลาและความรัก

          กาลครั้งหนึ่งบนเกาะแห่งหนึ่ง  มีเหล่าตัวแทนความรู้สึกอาศัยอยู่รวมกันมานาน
ความสุข ความเศร้า ความเหงา รวมถึงความรัก  วันหนึ่งเกาะที่อยู่รวมกันมานานกำลังจะจมลง
เหล่าความรู้สึกต่างพากันอพยพหนี  บ้างก็เตรียมเรือ  บ้างก็เก็บข้าวของที่จำเป็น
ยกเว้น "ความรัก"  ที่คิดว่ายังคงอยู่

          เมื่อเกาะเริ่มจมลงเรื่อยๆ ความรักจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือ   กับความรวยที่ผ่านมา
แต่ความรวยกลับบบอกว่า "ไม่ได้หรอก...เรือของฉันไม่มีที่พอให้เธอขึ้น เพราะเรือของฉันเต็มไปด้วย
ทรัพย์สินเงินทองมากมาย  ฉันคงให้เธอไปด้วยไม่ได้หรอก"

          ต่อมาความรักได้ขอความช่วยเหลือกับ  ความสุข  แต่ความสุขมัวแต่สบายใจ
จึงไม่ได้ยินการขอความช่วยเหลือของความรัก เลยแม้แต่น้อย

          ส่วนความเศร้ากับบอกว่า "ฉันกำลังเสียใจมาก  ฉันต้องการอยู่คนเดียว"

          สักพักกับมีเรือโดยสารมาช่วยเหลือความรัก   โดยที่ความรักมัวแต่ดีใจ
จนไม่ได้คิดที่จะถามถึงชื่อของเขา  จนกระทั่งมาถึงเกาะ   ความรักได้เจอกับความรู้   จึงถามความรู้ว่า
คนที่ช่วยเหลือเขาคนนั้นเป็นใคร?

          ความรู้ตอบว่า "เขาคือเวลา"    ความรักถามว่า  "ทำไมเวลาถึงช่วยฉัน"  ความรู้จึงตอบว่า....

มีเพียง "เวลา"  เท่านั้นที่รู้ว่า "ความรักยิ่งใหญ่แค่ไหน"
ที่มา : http://www.yenta4.com


อีกมุมหนึ่ง..ขอบคุณน้องป่าน กลุ่ม line นางฟ้า 

มีนิทานอยากจะเล่าให้ฟังนะ....
....มีเกาะแห่งหนึ่งชื่อว่าเกาะความรักวันนึงความรักอยากจะออกจากเกาะ อยากเข้าฝั่ง จึงมองหาใครสักคนที่จะพาความรักไปส่งยังฝั่งตามที่ปรารถนา ความรักจึงหันไปหาความรวยแล้วบอกกับความรวยว่า...ความรวยจ๋า ฉันอยากเข้าฝั่งช่วยพาฉันเข้าฝั่งด้วยได้ใหม...แต่ความรวยกลับตอบความรักมาว่า...ฉันพาเธอไปด้วยไม่ได้หรอก เพราะเรือของฉันมันเต็มไปด้วยแก้ว แหวน เงิน ทอง ไม่มีที่ว่างให้เธอหรอกนะ...ความรักจึงหันหาความเห็นแก่ตัว...ความเห็นแก่ตัวตอบความรักกลับมาว่า...ฉันพาเธอไปส่งไม่ได้หรอก ฉันยังไม่อยากรับผิดชอบ...ความรักจึงหันไปหาความเหงา...ความเหงาบอกว่า...อย่ามายุ่งกับฉันเลย ฉันอยากอยู่คนเดียว...ความรักจึงหันไปหาความเศร้า...ความเศร้าบอกว่า...ฉันพาเธอไปไม่ได้หรอกฉันกำลังเศร้า...ในขณะที่ความรักไม่รู้จะหันไปหาใครแล้ว ก็มีเสียงแก่ๆเสียงหนึ่งเอ่ยมาว่า...ไปกับฉันใหมล่ะ ฉันจะไปส่งเธอให้เอง...แล้วความรักก็ไปถึงฝั่ง แล้วเสียงแก่ๆนั้นก็จากความรักไป โดยที่ความรักลืมถามว่าใครที่มาส่ง ความรักยังไม่ได้ขอบคุณเขาเลย...ความรักจึงถามกับความรู้ว่าใครกันนะที่มาส่ง...ความรู้ตอบความรักว่า...เวลายังไงหล่ะที่มาส่ง...คำตอบที่ได้ทำให้ความรักเห็นคุณค่าของเวลา และซึ้งที่เวลาเห็นคุณค่าของความรัก แต่ก็ไม่มีเวลาให้ความรักได้ตอบแทนเสียแล้ว....จบ.        

#เราได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้บ้าง...ลองตอบตัวเองดูนะ...


วามรักของคุณเป็นแบบไหนกัน
ความรักของฉันมันดูเหมือนจะจบลง
วันนี้ฉันยังเฝ้ามองเค้าด้วยความรักความชื่นชม ความปราถนาดี 
อยู่ในทิศทางของฉันเท่าที่เวลาและความรู้สึกจะมีให้กันได้


#ทฤษฏีความรัก
- Intimacy
- Passion
- Commitment

ความรักไม่ว่าจะจบลงในรูปแบบไหน 
มันมีความสวยงามไว้ในระลึกถึงกันเสมอ
เพียงแต่ช่วงเวลาของการได้รัก..
คุณใช้เวลากับสิ่งนั้นให้มีคุณค่าแล้วหรือยัง
ขอบคุณนะความรัก...ศิวพร 2017.05.15

นิทานความรัก เรื่อง การเดินทางของความรัก


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเกาะแห่งหนึ่งซึ่งรวมรวมความรู้สึกทั้ง

หมดอาศัยอยู่ด้วยกัน ความสุข ความเศร้า ความรู้ และอื่น ๆ รวมทั้ง

ความรัก วัน หนึ่ง มีประกาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่า เกาะกำลังจะ

จม ดังนั้น ทั้งหมดจึงได้เตรียม เรือเพื่อที่จะหนีออกจากเกาะ ความรัก

เท่านั้นที่ตัดสินใจจะอยู่บนเกาะ ความรักต้องการที่จะอยู่จนกระทั้ง

วินาทีสุดท้าย เมื่อเกาะเกือบจะจมแล้ว ความรัก จึงตัดสินใจขอความ

ช่วยเหลือ… ความรักขอความช่วยเหลือจากความรวย ความรวยแล่น

เรือผ่านความรวยตอบว่า

‘ไม่ได้หรอก… ฉันรับเธอไม่ได้ เพราะเรือฉันนะเต็มไปด้วยทองและเงิน

แล้ว มันไม่มีที่สำหรับคุณ’

ความเศร้าได้พายเรือใกล้เข้ามา ความรักก็ได้เอ่ยขอความช่วยเหลืออีก

‘ความเศร้า อนุญาตให้ฉันขึ้นเรือคุณนะ’

‘โอ้ความรัก ฉันกำลังเศร้ามากเลย ฉันต้องการอยู่คนเดียว ขอโทษนะ’

ความสุขได้ผ่านความรักไปเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ยินแม้เสียงร้องเรียก

ขอความช่วยเหลือของความรักเพราะมัวแต่ กำลังสุข ทันใดนั้น มีเสียง

หนึ่งดังขึ้นมา

‘มานี่ความรัก ฉันจะรับคุณไปเอง’

เสียงนั้นเป็นของคนแก่คนหนึ่ง ความรักรู้สึกขอบคุณและดีใจเป็นอย่าง

มาก จนลืมถามชื่อว่าใครคือผู้ใจดีผู้นั้น เมื่อพวกเขามาถึงแผ่นดินที่แห้ง

คนแก่ก็จากไปตามทางของเขา ความรักนึกขึ้นมาได้ว่าลืมถามชื่อชาย

แก่คนนั้น ความรักจึงถาม ความรู้และคนแก่คนอื่นๆ ..

‘ใครเหรอที่เป็นคนช่วยฉัน’

ความรู้ตอบว่า

‘เวลา’

ความรักถาม

‘แต่ทำไมเวลาถึงช่วยฉันล่ะ’

ความรู้ยิ้มในความรอบรู้ของตัวเองแล้วตอบความรักว่า

‘ก็เพราะว่า มีเพียงเวลาเท่านั้นที่เข้าใจว่าความรักยิ่งใหญ่แค่ไหน’

————————————————

…เมื่อความรักใด้เข้ามาอยู่ในเกาะแห่งใหม่ก็พบว่าเกาะนี้ช่างอุดม

สมบูรณ์เสียจริง มีไม้ให้เธอสร้างบ้าน มีอาหารให้กินและมีทุกอย่างที่

เธอต้องการ ไม่นาน ไม่นานเธอก็หลงรักเกาะนี้ เธอคิดว่าเกาะ คงรัก

เธอเช่นกัน ทุกวัน เธอจะเดินไปที่ริมหาดด้วยหัวใจเบิกบานแลัวหัน

กลับมาตะโกนบอกเกาะว่า

‘ฉันรักเธอ’

แต่เกาะไม่เคยเข้าใจในสิ่งที่เธอพูดหรอก…เกาะอยู่ใน ฐานะผู้ให้เท่านั้น

แล้ววันหนึ่งความรักก็พบว่าเกาะไม่ใด้ทุกอย่างกับเธอคนเดียวเท่านั้น

ทั้ง ความรวย ความเห็นแก่ตัว ความเศร้า ความสุข ต่างก็ได้รับสิ่งต่างๆ

จาก เกาะเหมือนๆกัน

‘เกาะนี้ช่างสมบูรณ์เสียจริง’ ความรวยรำพึง

‘ฉันจะกอบโกยให้มากที่สุด’ ความเห็นแก่ตัวคิด

ส่วนความสุขไม่คิดอะไรเลยเขามีความสุขกับสิ่งที่ได้รับไปวันๆ…และ

แล้วความเศร้าก็โคจรมาพบความรัก

‘เธอมันโง่…สิ่งที่เธอทำไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก ดูอย่างฉันสิ ไม่เคย

ได้ รับความรักจากใครเลย’

พูดแค่นี้แล้วความเศร้าก็เดินร้องไห้จากไปความรักรู้สึกสับสน น่า

เสียดายที่เกาะนี้ไม่มีความเข้าใจอาศัยอยู่ด้วไม่เช่นนั้นคงมีใครอธิบาย

สิ่งต่างๆให้ความรักเข้าใจว่าเธอไม่ใช่เจ้าของ เกาะ และเกาะรักเธอไม่

ได้ เธอร้องไห้ มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับความรัก เธอได้ ให้กำเนิดความริษยา

และความโกรธ สร้างความปั่นป่วนไปทั่วเกาะ สถานการแย่ขึ้นจนถึง

ขีดสุด มหันตภัยของ ชาวเกาะก็เกิดขึ้น ความเสื่อมนั่นเอง…. แล้ววัน

หนึ่งก็มีประกาศไปยังความรู้สึกทั้งหมดว่า เกาะกำลังจะจม วัฎจักรทั้ง

หมดก็เวียนอีกครั้ง ไม่มีใครช่วยความรักขึ้นเรือ…..เงาของใคร บางคน

พายเรือมาแต่ไกล…เวลา นั่นเอง

‘มานี่ความรักฉันจะรับคุณไปเอง’

‘ไม่…ฉันไม่ไปแล้ว..ฉันจะตายที่นี่…ทำไมเหตุการณ์นี้ต้องเกิดกับฉัน

อีก…’

ความรักพูดทั้งน้ำตา

เวลาถอนหายใจ แล้วตอบว่า

‘มันเป็นเช่นนี้เอง ตั้งแต่ก่อนจักรวาลจะเกิดมีเพืยงฉันและความว่าง

เปล่า เท่านั้น ฉันอยู่มานาน รู้เห็นทุกอย่าง ฉันบอกเธอไม่ได้หรอกว่า

ทำไม แต่ ฉันบอกเธอไม่ได้ดอกว่าทำไม แต่…ความรักเอํย เธอไม่เคยสัง

เกตุเหรอ ว่า ความทุกข์คือเงาของเธอ’

ความรักก้มมองเงาของตัวเองแต่เธอไม่สามารถเห็นอะไร

‘ฉันไม่ใช่พระเอกของเรื่องหรอกนะ ฉันมีหน้าที่พาเธอไปส่งยังเกาะที่

ใกล้ ใกล้ที่สุดเท่านั้น รีบขึ้นมาเถอะฉันต้องไปช่วยคนอื่นอีกเยอะ’

ความรักจำใจขึ้นเรือจนมาถึงเกาะ

‘แล้วเจอกันเมื่อวันนั้นมาถึง’ เวลากล่าว

‘แต่ฉันไม่อยากเจอคุณอีก พยายามค้นหาต่อไปเถิดเมื่อเธอกลายเป็น

ความรักที่แท้เมื่อไรเราจะไม่เจอกันอีก’

‘ทำไมหละ’

‘เพราะรักแท้อยู่เหนือกาลเวลา’

ว่าแล้วเวลาก็พายเรือจากไป วัฎจักรดำเนินไปตามทางของมัน