วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2563

เขียนความรู้สึก

โลกใบนี้มันสวยนะ   สวยทุกมุมที่มองเลย

อยากลืมตาในสถานะมนุษย์ นานๆ จัง

อยากทำประโยชน์ให้กับโลกนี้ทุกลมหายใจ





วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2563

จดหมายถึงพี่ชาย

 สวัสดี...

เป็นไงบ้าง..

หนาวไหม...


ไม่ต้องบอกก็คงรู้นะว่าคิดถึง...และรู้อยู่แล้วว่าพี่คงคิดถึงพวกเราเช่นกัน

ฝากดูแลพ่อกับแม่ด้วยนะ


แล้วอย่าลืมล่ะ ว่าเราเป็นน้องสาวพี่


รักเสมอ


อืมมม....ลืมไป
มีเรื่องอยากจะบอก
เราเอาบ้านพี่
มาเปิดเป็นร้านกาแฟนะ

หวังว่าพี่คงไม่ว่าอะไร
อวยพรให้เราประสบความสำเร็จด้วยล่ะ

วันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2563

Enjoy = End Join

มีวันที่ดี...มีวันที่ต้องจบ..และเริ่มต้นใหม่

ชีวิตฉัน...เรื่องราว...ที่เราเติบโต


ตลอดชีวิตที่เราใฝ่หา คือ การมีใครสักคนยืนเคียงข้างเรา

เป็นครอบครัวเดียวกับครอบครัวเรา

ใช่เราเป็นคนหนึ่งที่รักครอบครัว รักพ่อแม่พี่น้องมาก


ต้องเริ่มต้นใหม่อีกแล้วสินะ....


 



วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2563

ไม่อยากเป็นทางผ่านแต่อยากเป็นปลายทาง

ทางผ่าน....จะมีสักกี่คนนะ จะจดจำ จะจำได้....ต้องสำคัญมากแค่ไหน...ต้องทำตัวเด่นอย่างไร


ใครเค้าจะจดจำ


บางคน....ไม่ได้นึกถึงปลายทาง แต่ชอบที่จะสัมผัส ลิ้นรสทางข้าง

สุดท้าย...ทุกคนย่อมมีปลายทางเสมอ


ทางผ่าน...อาจจะสวยมากหรือเจ็บปวด

ปลายทาง...แม้ครั้งก็ไม่ได้แปลว่ามันจะสวยงามเสมอไป


ทางผ่าน...หรือ...ปลายทาง มีค่าอย่างไร 

ขึ้นอยู่กับว่าคุณตัดสินใจในช่วงเวลานั้นอย่างไร


คุณค่ะ..ขอให้ชีวิตคุณมีความสุขในทุกๆ วันนะคะ

 

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2563

แค่ไม่อยากให้หายไป

 ท้องฟ้าตอนดีมืดครึ้ม ถึงแม้จะเป็นเวลากลางวันก็ตาม 

มันทำให้ฉันอยากจะนั่งดื่มกาแฟสักแก้ว....ก่อนที่จะลงมือทำงานต่อ


วันนี้เรายังไม่ได้ทักทายกัน

ใช่ฉันคิดถึงคุณ..คิดถึงเรื่องราวในอดีตของเรา...ว่าทำไมนะ

จากคนรัก..กลายเป็นคนเคยรัก


สถานะตอนนี้ยังอยากให้อยู่อย่างนี้ไหม

หรือจะขยับความสัมพันธ์กันดี

นั่งทบทวน นึกวันที่เราไม่เข้าใจกัน


วันที่เราต่างคน ต่างหนีหน้า ต่างหนีปัญหา ไปอยู่ในมุมที่ตัวเองคิดว่าสบายใจที่สุด

คำตอบของฉันวันนี้ มันมีเพียงหนึ่งเดียว


แค่ไม่อยากให้คุณห่างหายไปไหนจากชีวิตของฉัน

แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว


อาจเป็นเพราะช่วงเวลาที่เราไม่เข้าใจ..มันไม่ได้ทำให้ฉันมีความสุข

อาจเป็นเพราะการเป็นคนรักมันอึดอัด

อาจเป็นเพราะเรายังรักกันไม่มากพอ

หรืออะไรก็แล้วแต่...แต่ฉันคิดว่าวันนี้


เราทั้งคู่ต่างมีความสุขในจุดที่เรายืนแล้ว




วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ไม่เคยกลัวอะไร เท่ากับการที่วันหนึ่งเราได้ถึงเส้นชัย แต่ไม่มีคนสำคัญในชีวิตเรามาร่วมยินดีกับเราด้วย

 เมื่อวาน ....บริษัทจัดหางานถามด้วยคำถามง่ายๆ


ขอโทษนะคะ ทำไมถึงลาออกจาก..............ค่ะ

ค่ะตอนนั้น พี่ชายเสียชีวิตค่ะ


อ๋อค่ะ.....แล้ว ทำไมถึงลาอกจาก.......ค่ะ

แม่เสียนะคะ..เลยต้องดูแลหลานซึ่งเป็นลูกพี่ชายที่เสียก่อนหน้านั้น



บางครั้งความสำเร็จที่ไร้เรื่องเล่า....มันก็เป็นแค่เงาแห่งชัยชนะเท่านั้น


มันจะมีค่าอะไร...ถ้าคุณประสบความสำเร็จแต่คุณไม่มีคนสำคัญคนนั้น..อยู่ข้างๆ

ไม่เคยคิดว่าตัวเองตัดสินใจผิด...และไม่เคยให้ค่าของความสำเร็จเป็นหน่วยเงินตราที่สูงขึ้น

แต่ให้ค่าของความสำเร็จที่รอยยิ้มของคนในครอบครัวเรามากกว่า


ด้วยรัก

ดร.ศิวพร ไตรภพ


วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

และแล้ว

และแล้ว ฉันก็ค้นพบว่า เธอไม่เคยหายไปจากใจฉันเลย

วันพุธที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ฝันซ้ำๆ

ฝันเห็นตลาดเก่าๆ สมัยโบราญ

ฝันเห็นร้านขายลอดช่อง สลิม แบบโบราณ

ฝันว่าคุ้นเคยกับตลาดนั้น

ฝันว่าคุ้นเคยกับเด็กผู้ชายเด็กหนึ่ง

ฝันว่าเราไม่ได้มีโอกาสบอกบางสิ่งกับเค้า

แปลกจัง ทั้งๆ ไม่อยู่ในวัยเด็กแล้ว

และวัยเด็กก็ไม่ได้มีความคุ้นชินกับที่แห่งนี้...

มันคือที่ไหน และเด็กผู้ชาย คนที่เด็กผู้หญิงคนนี้คุ้นเคยเค้าคือใคร

วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

โลกเปลี่ยน ชีวิตเปลี่ยน โหราศาสตร์ก็ไม่ใช่เรื่องงมงายอีกต่อไป

โหราศาสตร์ ก็คือการพยากรณ์ จากอดีต มีการจดบันทึก ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ

โดยนำหลักการทุกส่วนมาขยายความไม่ว่าจะเป็นภูมิศาสตร์ ฤดูกาล ทิศทางลม ดวงดาว พระอาทิตย์และพระจันทร์

โลกหมุนรอบตัวเราทุกวัน
ใจคนเราจะไม่บริสุทธิ์ไปทำไมกัน...เราไม่ได้มีชีวิตอยู่ค้ำฟ้าเสียเมื่อไหร่👀

วันพุธที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2563

ความดีความชั่ว

ความดีและความชั่ว....บางครั้งมันก็ย่อมอยู่ในตัวคน คนเดียวกัน

แม่ฆ่าปลาเพื่อให้ลูกได้กิน...แม่บาปไหม
ความรู้สึกของแม่คือรู้ว่าบาปอยู่เต็มอก...แต่แม่ก็ยินดีจะรับไว้เพื่อให้ลูกได้อิ่ม


มา ถึง ณ จุด นี้ ...ห้วงเวลานี้ ความรู้สึกต่างๆ เปลี่ยนไป

สิ่งหนึ่งที่ละไว้และปฏิบัติได้มาเป็นเวลาร่วม 5 ปี คือ

ความรู้สึกที่ไม่โกรธ ไม่เกลียดใคร

ไม่เอาหัวใจไปผูกติดไว้กับปลายเท้าใคร
ข้อนี้ ดูเหมือนคนมีความรัก ..นั้นเป็นเพราะมนุษย์กับความรักมาคู่กันเสมอ


ความห่วงใย ความคิดถึง พันธนาการของหัวใจ
ที่ผูกใครบางคนไว้ บางครั้งก็ผูกกันข้ามภพ ข้ามชาติ

ขอเพียงแต่มีสติ รับรู้ถึงกรรมดี จิตดี ระลึกถึงสิ่งดีๆ มันน่าจะเป็นที่ถูกต้อง

สวัสดีเช้าวันพุทธ ..วันนี้หวยออก









วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2563

คำถาม...ที่ยังคงต้องการคำตอบ

เพราะอะไร

เหตุใดเราเลิกกัน.....


คำถามสั้นๆ แต่การรอคำตอบนั้นยาวนานเหลือเกิน

จริงๆ แล้วการรอคำตอบนาน ....มันก็เท่ากับการรักษาระยะห่าง

วันหนึ่งที่จะถาม...มันก็ไม่มีประโยชน์ที่จะถาม...และไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่จะตอบ


ณ ห้วงเวลาแห่งความรู้สึก
ทำไม..คนบางคนเลือกที่จะเก็บคำพูด...บางคำไว้กับตัว

ไว้เก็บก็เสียของ....พูดไปก็เสียใจ

ความสมดุลของคำพูด..อย่างไหนนะที่มันดีกว่ากัน




วันจันทร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2563

แคชเชียร์และพนักงานบัญชี อาชีพที่กำลังหายไป

เมื่อสมัย 20 ปีก่อน

อาชีพที่ถูกเคี่ยวเข็ญและรับประกันว่าไม่ตกงาน คงหนีไม่พ้นอาชีพบัญชี

อนิจจา ความทันสมัยของโลกเทคโนโลยีที่ก้าวหน้า
ทำให้อาชีพของนักบัญชี ไม่เป็นที่นิยมอีกต่อไป


แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทางปรับปรุงตน

ในเมื่อโลกก้าวหน้า มีการติดต่อค้าขายกันข้ามประเทศมากขึ้น
เพราะฉนั้นเรื่องกฏหมายและการแลกเปลี่ยนสกุลเงินเป็นสำคัญ

อาชีพที่จะเกินใหม่ในอีกสิบปีข้างหน้า
หนึ่งในอาชีพนั้นคงหนีไม่พ้น #อาชีพที่ปรึกษาสกุลเงินติจิทัล

โลกหมุนไวเราก็แค่หมุนตาม







วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ตรัง-กรุงเทพ

ขอบคุณ เพื่อนคนพิเศษ ที่ดูแลตลอดการเดินทาง
 นึกย้อนเหตุการณ์วันนั้น ยังมึน ๆ เอียง ๆ อยู่ 

ตั้งใจมาเที่ยวแบบสบาย ๆ แต่ไม่ได้อยากรบกวนอะไร เลยไม่ได้แจ้งล่วงหน้า
มาถึงแล้วก็ยังละล้าละลังว่าจะโทรหาดีมั้ย  แต่ วินาทีนี้ อยู่ตรงนี้แล้ว 
เลยรวบรวมความกล้า โทรหาอีกที คนเซอร์ไพรส์มักจะเจอเซอร์ไพรส์กว่าเสมอ 

เสียงน่ารักต่อว่า ถ้าไม่มาตรังจะไม่โทรหาใช่มั้ย 
แฮร่ ก็เกรงใจนี่ค่ะ 
เราคุยกันอีกนิดหน่อย แอดไลน์กันไว้ เป็นสัญญาลักษณ์ว่า ได้รู้จักกันแล้ว

....
คนใจดี ก็ยังเป็นคนใจดี  คนดูแลห่วงใยตลอดการเดินทาง ทั้งตรังและสงขลา
แอบเป็นไกด์เล็ก ๆ ให้ในระหว่างทางที่เดิน แนะนำเรื่องราว บอกเล่าระหว่างกัน
มีบ่น มีปลอบ มีบอก ทั้งที่ตัวเองงานยุ่ง แต่ก็ยังแอบเวลามาดูแล เด็กกรุง(เก่า)หลงทาง

ทั้งที่เรา ต่างก็เป็นคนแปลกตา ที่ไม่เคยเจอหน้ากันเลย - ขอบคุณจริง ๆ นะคุณ
และจริงอย่างที่คุณเอ่ยว่า มิตรภาพมันมีเส้นบาง ๆ ผูกกันไว้เสมอ
เราจะอยู่เป็นมิตรแท้ต่อกัน นับ จากนี้ไปใช่มั้ยคุณ 


คุณค่ะ
มือที่ส่งมาให้ตั้งแต่วันวาน ได้รับแล้ว อบอุ่นมาก และ ขอบคุณ นะคะ



โลกออนไลน์

ในพื้นที่บนโลกออนไลน์
เราไม่ใคร่ ที่จะให้ใครได้รู้จักตัวตนของเราสักเท่าไหร่


เมื่อวาน..ได้คุยกับพี่คนหนึ่ง
เราต่างพบว่า ปีที่ผ่านมา เป็นปีที่ได้พบปะ และสัมผัสกับผู้คนมากขึ้น
เราเชื่อในเรื่องราวของความสัมพันธ์ 
#หลายคนคือคนแปลกหน้าที่คุ้นเคย
เราชอบความห่วงใย ที่ถูกส่งผ่านมาหา จากคนที่ไม่รู้จักกัน
ความรู้สึกนั้น  เหมือนถูกโอบกอดจากข้างหลัง

เวลาที่เราได้รู้จักใครสักคน เราให้ใจ เราให้ความรู้สึกไปทั้งใจ
ไม่คาดหมาย ไม่คาดหวัง ไม่ได้ต้องการการตอบรับอะไร 
เราไม่เคยมีคำถาม เราไม่เคยถามว่าคุณจะเป็นอะไร ยังไง
เพราะเรา ไม่เคยอยากจะรู้จัก ว่าคนรู้จักของเรานั้นเป็นใคร
เราอยากรู้จักคุณ แค่ที่เรามองเห็น และเป็นคุณแบบที่เรามอง

ไม่ต้องเหนื่อย กับการเป็นปลาวาฬตัวใหญ่ หรือกลายร่างไปเป็นมดตัวน้อย
เมื่ออยู่กับเรา ก็ถอดหัวโขน โยนทิ้งไป ใส่รองเท้าแตะ ก็ได้นะ ถ้ามันจะทำให้คุณสบายใจขึ้น 
นั่งลง จิบชา กาแฟ แล้วฟังเพลงด้วยกัน หรือจะฟังเราบ่นก็ตามแต่ใจ..แฮร่


บางที
เราก็เหนื่อยกับความเป็นไปรอบตัว 
ขยับซ้ายก็โดนบาด ขยับขวาก็เจ็บปวด
อยู่ในภาวะที่ก้าวไปไม่ได้ 
ถอยหลังไม่ได้... เหมือนไม่มีทางใดให้เดิน
จะยืนเฉย ๆ มันก็หอกทิ่มแทง
ให้ขยับก้าวเดินไปด้านไหนสักทิศทา
นั่น ทำให้เราปวดร้าวมากเกินไป 
จนรู้สึกอยากกลับเข้ามุมตัวเองอีกที


วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2563

ความรัก กับ บุพเพสันนิวาสและเนื้อคู่

ความรัก กับ บุพเพสันนิวาสและเนื้อคู่

คู่นั้นมีหลายแบบ ไม่ได้มีแต่คู่เวรกับคู่แท้

คำว่า ‘คู่แท้’ จะทำให้คุณนึกถึงเพศตรงข้ามที่ติดตามกันไปทุกภพทุกชาติ เป็นตัวเป็นตนจับจองกันอย่างถาวรไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งธรรมชาติไม่ได้มีอะไรอย่างนั้น ตามกฎเหล็กข้อแรกสุดคือ ‘ทุกสิ่งต้องเปลี่ยนแปลงไป’

หากหันมาใส่ใจกับคำว่า ‘คู่บุญ’ และ ‘คู่บาป’ แทน อย่างนี้จะเห็นอะไรกระจ่างขึ้น เพราะคนเราทำบุญทำบาปสลับกันได้ ไม่มีใครทำบุญทำบาปร่วมกันอย่างใดอย่างหนึ่งได้ตลอดไป และนั่นก็แปลว่า คู่บุญอาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบุญกันมามากกว่าร่วมทำบาป ส่วนคู่บาปก็อาจหมายถึงคู่ที่ร่วมทำบาปกันมากกว่าร่วมทำบุญ

มองอย่างนี้อคติจะลดลงอย่างฮวบฮาบทันที ประเภทขัดเคืองใจนิดหน่อยก็เหมาว่านี่คู่เวรของเรา หรือประเภทต้องตาต้องใจเมื่อเริ่มพบก็เหมาว่านี่แหละคู่แท้ของฉัน เราจะเห็นตามจริงว่า ถ้าต้องตาเมื่อเห็น ถ้าเย็นใจเมื่อใกล้ อันนั้นก็เป็นคะแนนทางความรู้สึกด้านดีชั้นแรก ต่อเมื่อมีความผูกพันผ่านเหตุการณ์ดีร้าย หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน ตรงนั้นค่อยเป็นคะแนนสะสมในชั้นต่อ ๆ มา กระทั่งปักใจเชื่อได้ว่าเป็นคู่บุญกันจริง ๆ 


ความรู้สึกด้านดีชั้นแรก ในระยะแรกพบสบตานั้น เป็นผลบุญจาก การอยู่ร่วมกันมาก่อนในอดีตชาติ
ส่วนการร่วมทุกข์ร่วมสุข ผ่านเหตุการณ์ดีร้ายต่าง ๆ มาด้วยกัน เป็นบุญใหม่ ที่เกิดจากการเกื้อกูลในปัจจุบันชาติ
 


ภาพ : ลิขสิทธิ์ Shutter Stock
พระพุทธเจ้าตรัสว่า
ความรักจะเกิดขึ้นไม่ได้

หากปราศจากเหตุปัจจัย
ทั้งอดีตและปัจจุบันประกอบกัน
ไม่ว่าจะเป็น...
ของเก่าหรือของใหม่
 

บุญที่สร้าง ‘คู่บุญ’ ขึ้นมาจะเหมือนๆกัน พระพุทธเจ้าตรัสแสดงไว้ ได้แก่

๑) มี ศรัทธา ไปในแนวทางเดียวกัน
เช่น ถือศาสดาองค์เดียวกัน เชื่อหรือไม่เชื่อเรื่องกรรมวิบากด้วยกัน เชื่อว่าโลกกลมหรือโลกแบนเหมือนๆกัน เชื่อแนวทางในการดำรงชีวิตรูปแบบเดียวกัน เป็นต้น

เมื่อ "ศรัทธา" ไม่ตรงกัน ก็คุยเรื่องไม่ตรงกัน
เมื่อคุยเรื่องไม่ตรงกัน ก็คุยกันได้ไม่นาน
เมื่อคุยกันได้ไม่นาน ก็เบื่อกันเร็ว
อันนี้คือความจริงที่เกิดขึ้นกับทุกรูปนาม ไม่จำเพาะเฉพาะคู่รักเท่านั้น ขนาดเพื่อนกันแต่เชื่อไม่เหมือนกันยังยากที่จะเป็นเพื่อนสนิทเลยครับ ศรัทธาที่ร่วมกันปลูกฝังให้มั่นคงย่อมทำหน้าที่สร้างสายตาที่มองไปในทิศ เดียวกัน ไม่ก่อความรู้สึกเป็นอื่นจากกัน


๒) มี ศีล อันเป็นเครื่องหอมทางใจเสมอกัน
คือ มีความคิดงดเว้นข้อประพฤติผิดแบบเดียวกัน เป็นเหตุให้ไม่รังเกียจหรือหมั่นไส้กัน พรานหนุ่มกับพรานสาวทนกลิ่นอายฆ่าฟันของกันและกันได้ แต่ให้หมอศัลย์ที่มีรังสีช่วยชีวิตมาเป็นคู่ผัวตัวเมียกับมือปืนร้อยศพที่ ทะมึนด้วยรังสีเอาชีวิต อย่างไรก็คงทนกลิ่นอายที่เป็นตรงข้ามของกันและกันไม่ไหว


และนั่นก็เช่นเดียวกัน

ถ้าฝ่ายหนึ่งเจ้าชู้ ร้อยลิ้นกะลาวนไปเรื่อย โดยไม่สนใจความสกปรกหมกมุ่น ย่อมน่ารังเกียจยิ่สำหรับคนใจซื่อ ถือความสะอาดผัวเดียวเมียเดียว

"ศีล" ที่ร่วมรักษาให้บริสุทธิ์ดีแล้ว
ย่อมทำหน้าที่สร้างความอบอุ่น เชื่อมั่นในกันและกัน
สนิทใจ ไว้วางใจกันเป็นมั่นเหมาะ

๓) มี จาคะ อันเป็นวิธีคิดแบ่งปันเสมอกัน
อย่างน้อยต้องเป็นผู้ให้ซึ่งกันและกันในทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่มีแต่ฝ่ายหนึ่งคิดอยู่ข้างเดียว อีกฝ่ายเอาเปรียบตลอด เช่น อีกฝ่ายสละเงินให้ใช้ อีกฝ่ายสละแรงปรนนิบัติ เป็นต้น


การเอารัดเอาเปรียบเกิดจากจาคะที่ไม่เสมอกันเป็นมูล ยิ่งหากต่างฝ่ายต่างคิดเจือจานคนอื่น เห็นข้าวของอะไรไม่ใช้แล้วก็คิดตรงกันว่าน่าบริจาคแก่คนที่เขาไม่มี อย่างนี้ยิ่งไปกันได้ มีโอกาสร่วมบุญกันบ่อยๆ ยิ่งให้คนอื่นมากก็ยิ่งได้ความสุขในการสละมาเสริมใยแก้วร้อยสัมพันธ์ให้กัน แน่นแฟ้นขึ้น

"จาคะ" ที่ร่วมกันยินดีโดยพร้อมเพรียง
ย่อมก่อความรู้สึกซึ้งใจอย่างใหญ่
เหมือนอยู่ด้วยกัน จะเป็นที่พึ่งให้กัน
ปลอดภัยร่วมกัน ประคับประคองกัน ไม่มีวันล้มพร้อมกัน

๔) มี ปัญญา เสมอกัน
กล่าวทางโลก คือ คุยกันรู้เรื่อง
กล่าวทางธรรม คือ มีระดับการเห็นตามจริงใกล้เคียงกัน หรืออย่างน้อยเป็นไปไปในทางเดียวกัน ไม่ใช่พูดคนละภาษา ฝ่ายหนึ่งทำก่อนคิด อีกฝ่ายคิดก่อนทำ หรือฝ่ายหนึ่งเอาอารมณ์พูด อีกฝ่ายพูดด้วยสติปัญญา หรือฝ่ายหนึ่งเห็นชัด ว่าอะไร ๆ ไม่เที่ยง ความยึดมั่นถือมั่นเหลือน้อย แต่อีกฝ่ายหนึ่งแค่เรื่องน้อยก็ยึดมั่นถือมั่นเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ก็คงนึกระอาหรือหมั่นไส้ในกันเป็นอย่างยิ่ง

"ปัญญา" ที่ร่วมเสริมส่งกันและกัน
ย่อมทำหน้าที่สร้างความร่าเริงในการสนทนา
และความไม่พรั่นที่จะต้องฝ่าฟันอุปสรรคร่วมกัน
 

หากอดีตกาล คุณเคยครองเรือน
กับผู้มีบุญเสมอกันทั้ง ๔ ข้อ
 (อาจหย่อนนิดหย่อนหน่อยได้)

ขอเพียงได้มาพบกันในชาตินี้
ก็จะเกิดแรงดึงดูด ที่ก่อความรู้สึกแสนดีอย่างประหลาด

เหมือนเข้ากันได้ทุกอย่าง
เหมือนเห็นกันได้ทุกแง่มุม ด้วยความเข้าใจกระจ่าง 

ภาพ : ลิขสิทธิ์ Shutter Stock
 

จากที่พระพุทธเจ้าท่านเคยตรัส ว่าหญิงชายจะพบกันทั้งชาตินี้และชาติหน้า ก็เพราะมีเหตุ คือต่างฝ่ายต่างมีศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญาเสมอกัน คำว่า "เสมอกัน" นั้น อย่างน้อยที่สุด คือ ร่วมยินดีไปในแนวความเชื่อเดียวกัน มีใจปรารถนาจะรักษาศีล มีใจอยากสละให้ และอย่างน้อยพูดภาษาเดียวกันรู้เรื่อง ไม่ใช่ว่าฝ่ายหนึ่งเสนอ อีกฝ่ายนอกจากไม่สนองแล้วยังเอาแต่ขัดๆๆ


ยิ่งไปกว่านั้น พระพุทธเจ้ายังเคยตรัสว่า ความรักจะเกิดขึ้นได้ก็ด้วยเหตุสองประการ
- ประการแรก คือ เคยอยู่ร่วมกันมาในอดีตชาติ

- ประการที่สอง คือ ชาตินี้ได้เกื้อกูลกัน

นั่นแหละความรักอย่างลึกซึ้งถึงจะเกิดได้

 


ภาพ : ลิขสิทธิ์ Shutter Stock
มองด้วยข้อสรุปนี้

"คู่บุญตัวจริง" ก็คือ
คนที่เคยคิดดี พูดดี ทำดีต่อกันมาก่อน

รวมทั้งมี "ศรัทธา" ไปในทางเดียว
แข็งแรงใน "ศีล" ข้อเดียวกัน

มี "ใจคิดสละ" ประมาณเดียวกัน
และอย่างน้อยต้อง "พูดกันรู้เรื่อง"
ประมาณเพลิน คุยได้ไม่รู้เบื่อ 
 

แม้เราจะไม่รู้ว่าใคร คือ คู่บุญของเรา แต่หากต้องการเลือกชีวิตคู่ให้เหมาะสมนั้น แนะนำว่าให้ใช้หลักธรรมะ 4 ตัวเป็นตัวตั้ง คือ คนๆ นั้น หรือคู่ชีวิต จะต้องมีศีล จาคะ ปัญญา และศรัทธาที่ใกล้เคียงกับเราด้วย ชีวิตคู่ถึงจะไปด้วยกันได้ดี


สิ่งที่ควรพิจารณา เมื่อคบหากันแล้ว 
๑) รู้สึกว่าใช่หรือเปล่า (เป็นเรื่องของสัญญาที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกล้วนๆ)
๒) เกิดแต่เรื่องดีๆเมื่ออยู่ด้วยกันหรือเปล่า (วัดผลของอดีตกรรมที่ให้เป็นวิบากฝ่ายดี)
๓) ร่วมกันเปลี่ยนอุปสรรค หรือเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี ได้หรือเปล่า (ดูปัจจุบันกรรมที่เอื้อให้เกื้อกูลร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้แค่ไหน)
๔) เกิดแรงบันดาลใจให้คิด พูด ทำดี ๆ ต่อกันและต่อคนรอบข้างหรือเปล่า (ปัจจุบันกรรมที่จะให้ผลเป็นวิบากอนาคตที่สดใสหรือไม่ คู่ที่จรรโลงใจกันด้วยบุญ เลี้ยงใจกันด้วยบุญไม่ขาดสายเท่านั้น ที่ไม่เบื่อ ไม่แห้งแล้งต่อกันเสียก่อนตาย)

สรุป คือ เข้าคู่กันแล้วรู้สึกดีๆ เกิดเรื่องดี ๆ ก็ใช่เลยครับ และไม่ต้องไปหมายมั่นเอาว่านั่นคือเครื่องแสดงความถาวร เป็นเนื้อคู่นิรันดร์ เพราะสังสารวัฏไม่มีอะไรอย่างนั้นให้ มีแต่เปลี่ยนกับเปลี่ยนครับ จะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นหรือเลวลงเท่านั้น

 


ภาพ : ลิขสิทธิ์ Shutter Stock
 

เคล็ดลับการทำให้คู่ชีวิตสนใจ 
- ถ้าคู่ชีวิตคู่ไหน อยากให้อีกฝ่ายหนึ่งสนใจ หรือหันมามองตัวเอง ตัวเราต้องฝึกฝนให้ดีเสียก่อน โดยใช้วิธีปฏิบัติธรรม เจริญสติในชีวิตประจำวัน จะทำให้เราได้เห็น และรู้จักตัวเองดีขึ้น รู้จักตัวเองในที่นี้ คือ เวลาเกิดปัญหา จะไม่มอง และโทษคนอื่น หรือเห็นคู่ชีวิตเป็นฝ่ายผิดตลอด 

- เมื่อฝึกฝนตัวเองดีแล้ว เช่น คุมอารมณ์ให้อยู่ และเข้าใจความต่างในตัวของคนที่เรารัก จะช่วยให้อารมณ์ดี และใจเย็นขึ้น ใจจะเห็นโลกตามความเป็นจริง และสติจะช่วยให้เรารักษาศีลได้ดีขึ้น มีเมตตาเป็นเครื่องหนุนให้ผู้ปฏิบัติและคนที่อยู่ใกล้ชิดมีความรู้สึกสบายใจ


สรุปว่า ถ้าอยากให้คนอื่นเข้าใจตัวเรา เราต้องเข้าใจตัวเองก่อนว่า ณ ขณะนี้ เราคือใคร กำลังทำอะไร ปัญหาเกิดขึ้นเพราะใคร ต้องยอมรับความจริงให้เป็น ที่สำคัญไม่ควรไปรื้อฟื้นอดีตที่เลวร้ายของกันและกันมาเป็นข้อถกเถียง แต่จงอยู่กับปัจจุบัน เพราะจะทำให้มีความสุขมากว่า

 

 

ที่มา:
1. ธรรมะเลือกคู่“ศีล-จาคะ-ปัญญา-ศรัทธา” (“ธนาคารความสุขสาขา 2” โดยคุณพิทยากร ลีลาภัทร์)
2.วาทะดังตฤณ ฉบับความรักหลากสี (คุณดังตฤณ)
 

แหล่งข้อมูล
กระทู้ของคุณสมาชิกหมายเลข 826032 พันทิพดอทคอม
เนื้อหาเรียบเรียงโดย Kaijeaw.com
เครดิต Ture ปลูกปัญญา

คู่บุญ

"คู่บุญตัวจริง" ก็คือ
คนที่เคยคิดดี พูดดี ทำดีต่อกันมาก่อน

รวมทั้งมี "ศรัทธา" ไปในทางเดียว
แข็งแรงใน "ศีล" ข้อเดียวกัน

มี "ใจคิดสละ" ประมาณเดียวกัน
และอย่างน้อยต้อง "พูดกันรู้เรื่อง"
ประมาณเพลิน คุยได้ไม่รู้เบื่อ 


สิ่งที่ควรพิจารณา เมื่อคบหากันแล้ว 

๑) รู้สึกว่าใช่หรือเปล่า (เป็นเรื่องของสัญญาที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกล้วนๆ)
๒) เกิดแต่เรื่องดีๆเมื่ออยู่ด้วยกันหรือเปล่า (วัดผลของอดีตกรรมที่ให้เป็นวิบากฝ่ายดี)
๓) ร่วมกันเปลี่ยนอุปสรรค หรือเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี ได้หรือเปล่า (ดูปัจจุบันกรรมที่เอื้อให้เกื้อกูลร่วมทุกข์ร่วมสุขกันได้แค่ไหน)
๔) เกิดแรงบันดาลใจให้คิด พูด ทำดี ๆ ต่อกันและต่อคนรอบข้างหรือเปล่า (ปัจจุบันกรรมที่จะให้ผลเป็นวิบากอนาคตที่สดใสหรือไม่ คู่ที่จรรโลงใจกันด้วยบุญ เลี้ยงใจกันด้วยบุญไม่ขาดสายเท่านั้น ที่ไม่เบื่อ ไม่แห้งแล้งต่อกันเสียก่อนตาย)

แหล่งข้อมูล
กระทู้ของคุณสมาชิกหมายเลข 826032 พันทิพดอทคอม
เนื้อหาเรียบเรียงโดย Kaijeaw.com

เครดิต Ture ปลูกปัญญา

วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2563

วันไหนนะ...จะเป็นวันสุดท้ายของชีวิต

โลกจะจดจำเราแบบไหน

แบบคนธรรมดา หรือ คนพิเศษ

ฉันจะได้เข้าไปเป็นความทรงจำที่แสนวิเศษ ของใครบางรึเปล่านะ


อย่าคิดว่าชีวิตยังอีกยาวไกล


                          จนลืม ขอโทษ คนที่ควร ............ ขอโทษ
                           จนลืมที่จะรัก   คนที่คุณควร.......รัก

ชีพหนึ่งไม่ยาวนาน ไม่รู้จะมีอีกกี่เช้าให้เราตื่น


มายาแห่งหลอดด้าย....โดยท่าน ว. วชิรเมธี

*ชีวิตเหมือนด้ายในหลอดด้าย * ควรมีชีวิตที่ไม่ประมาท


สองสัปดาห์ก่อน ผู้เขียนจาริกปฏิบัติศาสนกิจในฐานะพระธรรมทูต
ที่มหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา วันหนึ่งหลังจบการเสวนาธรรม
สตรีสูงอายุคนหนึ่งขอโอกาสเข้ามานั่งคุยกับผู้เขียน ระหว่างการสนทนา
ผู้เขียนสังเกตเห็นว่า น้ำตาเธอคลอหน่วย
เมื่อสอบถามถึงสาเหตุ เธอจึงตอบว่า ที่น้ำตาคลอหน่วย
เพราะรู้สึกดีใจที่ได้มาฟังธรรม แต่พร้อมกันนั้นก็เสียใจจนสะเทือนใจ
ที่สะเทือนใจก็เพราะเธอรู้สึกว่า ตนเองได้พบกับ ธรรมะเมื่ออายุมากแล้ว
จึงรู้สึกเสียดายวันเวลาที่ผ่านมา เธอเล่าว่า

"ชีวิตคนเรา ก็เหมือนกับเส้นด้ายที่ถูกดึงออกมาจากหลอดด้ายทีละนิดๆ
ขณะที่ดึงด้ายออกมาจากหลอดด้ายนั้น บางทีเราก็รู้สึกกระหยิ่มว่า ยังมีด้ายเหลือ
อยู่อีกมากมาย จึงชะล่าใจที่จะดึงด้ายออกมาใช้อย่างฟุ่มเฟือย
แต่พบว่าแท้จริงแล้ว
มีด้ายอยู่เพียงนิดเดียว เย็บผ้าได้เพียงนิดหน่อยก็หมด หากแต่ที่เราเห็นว่า
ยังคงมีด้ายเหลืออยู่เยอะแยะนั่นเป็นเพราะว่า
แกนด้ายมันใหญ่ต่างหาก...มันหลอกตาให้เราพลอยชะล่าใจ...

พลันที่เธอเล่าจบ ผู้เขียนก็รู้สึกสว่างโพลงขึ้นมาในใจ
ผู้หญิงคนนี้ เธอไม่ได้มาฟังเทศน์เสียแล้ว แต่เธอมาเทศน์ต่างหาก

เธอกำลังเทศน์เรื่อง "ความสำคัญของเวลา" และ " คุณค่าของชีวิต"
เคยได้ยินคำพูดในทำนองนี้บ่อยๆ ว่า เรามีเวลา ๒๔ ชั่วโมงต่อหนึ่งวันเท่ากัน
ทว่าเราได้ประโยชน์จากเวลาไม่เท่ากัน

สำหรับบางคนเวลา ๒๔ ชั่วโมงช่างแสนสั้น แต่สำหรับบางคน ๒๔ ชั่วโมง
ช่างเป็นเวลายาวนานเหลือแสน

ผู้หญิงคนนี้เธอบอกว่า เธอเสียดายที่มีเวลาเหลืออีกไม่มาก
อยากจะปฏิบัติธรรมให้ถึงที่สุดก็เกรงว่าเวลาจะมีไม่พอ

ผู้เขียนจึงบอกว่า การปฏิบัติธรรมนั้นไม่สำคัญที่เวลา แต่สำคัญที่ "ปัญญา"
สำหรับคนมีปัญญากล้าแข็ง อย่าว่าเป็นวันเลย บางทีนาทีเดียวก็บรรลุธรรมได้
สำหรับคนเขลา ต่อให้ภาวนาทั้งชีวิต บางทีก็ยังไม่เห็นผล

คนที่อยู่ในวัยสนธยา จึงไม่ควรน้อยใจว่า เรามีเวลาไม่พอ
แต่ควรจะบอกตัวเองว่า *เรายังพอมีเวลา" ต่างหาก
แต่คนที่คิดว่าเรายัง "พอมีเวลา" ก็ต้องระวังด้วยเหมือนกัน
เพราะบางทีการคิดด้วยท่าทีที่เป็นบวกอย่างนี้
ก็ทำให้ประมาท และเป็นเหตุให้พลาดโอกาสที่จะเร่งรัดทำสิ่งดีๆ

ดังนั้น นอกจากจะคิดว่ายังพอมีเวลาแล้ว ก็ควรจะคิดเพิ่มอีกอย่างหนึ่งว่า
"วันนี้เป็น วันสุดท้ายของชีวิต" ด้วย
เพราะหากเราคิดว่า วันนี้เป็นวันสุดท้ายของชีวิต
เราจะเริ่มคิดถึงสิ่งที่ต้องทำแข่งกับเวลา
และนั่นจะทำให้ เวลากลายเป็นสิ่งที่มีค่าสูงสุดของชีวิตได้ในทุกๆ วัน

เราเคยได้ยินพระท่านสอนบ่อยๆว่า การฆ่าสัตว์เป็นบาป แต่ผู้เขียนอยากบอกว่า
การฆ่าเวลาต่างหากที่เป็นบาปมหันต์ยิ่งกว่า เพราะเมื่อคุณฆ่าสัตว์ หากสำนึกได้
คุณอาจจะไปหาสัตว์มาปล่อยเอาบุญ แต่หากคุณฆ่าเวลาด้วยวิธีใดก็ตาม
ถึงแม้คุณจะสำนึกผิด กลับมาเห็นคุณค่าของเวลา
ทว่าก็ไม่สามารถย้อนเวลาที่ผ่านไปแล้วให้หวนคืนกลับมาได้อีก
เราทุกคนต่างก็มีเวลาที่ไม่อาจรีไซเคิล ไม่ว่าคุณจะมีเงินมหาศาล
สักกี่ล้านล้านดอลล่าร์ก็ตามที สำหรับเวลานั้น ผ่านแล้วผ่านเลยนิรันดร์

ครั้งหนึ่งลีโอ ตอลสตอย เคยเขียนปริศนาธรรมไว้ว่า
  "ใคร  คือ คนสำคัญที่สุด
งานใด  คือ งานที่สำคัญที่สุด
เวลาใด คือ เวลาที่ดีที่สุด"

ตอลสตอยตั้งคำถามนี้ผ่านเรื่องสั้นเรื่องหนึ่ง และในที่สุดก็เฉลยว่า

"คนสำคัญที่สุด ก็คือ คนที่อยู่เบื้องหน้าเรา
งานสำคัญที่สุด ก็คือ งานที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี้
เวลาที่ดีที่สุด   ก็คือ เวลาปัจจุบันขณะนี้"

ทำไมคนที่อยู่เบื้องหน้าเราจึงสำคัญที่สุด คำตอบก็คือ อาจเป็นไปได้ว่า
ในชั่วชีวิต อันแสนสั้นนี้ เรากับเขาอาจมีโอกาสพบกันได้เพียงครั้งเดียว
ดังนั้นเราจึงควรทำให้การพบกันทุกครั้งเป็นเหมือนการเฉลิมฉลองอันแสนวิเศษ
ที่ต่างฝ่ายต่างควรสร้างความทรงจำแสนงามไว้ให้แก่กันและกันตลอดไป

เราต้องไม่ลืมว่า มนุษย์นั้น รู้เกลียดยาวนานกว่ารู้รัก
หากการพบกันครั้งแรกนำมาซึ่งความรัก และหากเป็นการพบกันเพียงครั้งเดียว
ของชีวิตในอนันตจักรวาล นั่นก็นับว่าเป็นสิ่งที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว
สำหรับการปฏิสัมพันธ์ ระหว่างคนสองคน

ทำไมงานที่เรากำลังทำอยู่ขณะนี้ จึงเป็นงานสำคัญที่สุด
คำตอบก็คือ ทันทีที่คุณ ปล่อยให้งานหลุดจากมือคุณไป
งานก็จะกลายเป็นของสาธารณะ
หากคุณทำงานดี มันก็คือ อนุสาวรีย์แห่งชีวิต และหากคุณทำงานไม่ดี
มันก็คือความอัปรีย์แห่งชีวิต
ตอนแรกคุณเป็นผู้สร้างงาน แต่เมื่อปล่อยงานหลุดจากมือไปแล้ว
งานมันจะเป็น ผู้ย้อนกลับมาสร้างคุณ

ทำไมเวลาที่ดีที่สุด จึงควรเป็นปัจจุบันขณะ คำตอบก็คือ
เพราะเวลาทุกวินาทีจะไหลผ่านชีวิตเราเพียงครั้งเดียว
ไม่ว่าคุณจะหวงแหนเวลาขนาดไหน มีเงินมากเพียงไร
ก็ไม่มีใครสามารถรื้อฟื้นเวลาที่ล่วงไปแล้วให้คืนกลับมาได้

ทุกครั้งที่เวลาไหลผ่านเราไป หากเราไม่ใช้เวลาให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ชีวิตของคุณ ก็พร่องไปแล้วจากปวงประโยชน์มากมายที่คุณควรได้จากห้วงเวลานั้น

เวลาไม่มีตัวตน แต่หากเรามีปัญญา
ก็สามารถสร้างคุณค่าที่เป็นรูปธรรมจากเวลาได้อเนกอนันต์
คน...แม้มีตัวตนเห็นกันอยู่ชัดๆ แต่หากปฏิบัติไม่ถูกต่อเวลา
ถึงมีตัวตนเป็นคนอยู่แท้ๆ แต่ชีวิตก็อาจว่างเปล่ายิ่งกว่าเวลา

ทุกวันนี้ เราทุกคนกำลังสาวด้ายแห่งเวลาในชีวิตออกมาใช้กันอยู่ทุกขณะจิต
แต่เคยคิดกันบ้างหรือไม่ว่า
เส้นดายแห่งเวลาในชีวิตของเรา เหลือกันอยู่สักกี่มากน้อย
เราถนัด แต่สาวด้ายออกมาใช้
หรือว่าเราใช้เส้นดายแห่งเวลาอย่างมีคุณค่าที่สุดแล้ว...

เครดิต *มายาแห่งหลอดด้าย....โดยท่าน ว. วชิรเมธี
เครดิต *<http://www.oknation.net/blog/lifesession/2008/12/03/entry-1>

วันศุกร์ที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2563

บนโลกใบนี้

อะไรนะ...ที่ปลูกจิตสำนึกของคน

ให้รู้สึกว่า...สิ่งนี้ดี/สิ่งนี้ชั่ว

ดูข่าวแต่ละวันก็สะท้อนในใจ

แม่ฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อ

สิ่งที่น่าเว ทะ นา คือ ความไม่รู้จัก ผิดชอบ ชั่วดีของคน



วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

คนเราพบเจอกัน

คนเราพบเจอกัน

เพื่อสร้างความทรงจำ

และไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว

เราทุกคนก็ต้อง

จากกันไป...ในที่สุด

พิษเศรษฐกิจ..ช่วงโควิท19





ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้า

รีบๆๆออกไปหา

ซื้อของขวัญให้เธอซะหน่อย

เดินจนเหงื่อเริ่มไหลย้อย

ได้กุหลาบสีหวานจ๋อย

พร้อมด้วยช็อคโกแลตแท่งโต

เธอยิ้มหวานจนแก้มปริ

อยู่สองวัน กุหลาบนั้นเริ่มเฉา

แห้งเหี่ยว (แห้งเหี่ยว)

ทิ้งไป (ทิ้งไป) โยนทิ้งไป

เก็บแต่ช็อคโกแลตไว้

ข้างที่นอนหลับตาฝัน

ฝันแล้วคิดถึงกันทุกคืน

เก็บไว้นานเลยเหม็นหืน

กลายเป็นอื่นหมดความหมาย

ไม่ทันไรก็คงขึ้นรา

ขืนทิ้งไว้นานก็บูด

หมดความหอม

คงไม่หวานดังเดิม

ไร้ค่า (ไร้ค่า) ทิ้งไป (ทิ้งไป)

โยนทิ้งไป


ฉันไม่รู้เมื่อไร

จะเป็นรายต่อไป

ที่ถูกทิ้งลงถ้าสิ้นความหมาย

ตอนนี้ยังชื่นใจ จึงอยากคบไป

ถ้าเบื่อเมื่อใดสัมพันธ์แปรเปลี่ยน

ฉันไม่รู้เมื่อไร

จะเป็นรายต่อไป

ที่ถูกทิ้งลง ถ้าสิ้นความหมาย

ตอนนี้ยังชื่นใจ จึงอยากคบไป

ถ้าเบื่อเมื่อใดสัมพันธ์แปรเปลี่ยน

เปลี่ยนความรู้สึก

คนเราก็แปลก

หากหมดความหมาย

หมดผลประโยชน์

ความสัมพันธ์ ที่เคยให้กัน

ก็เริ่มแปรผันเป็นอนิจจัง

ฉันไม่รู้เมื่อไร

จะเป็นรายต่อไป

ที่ถูกทิ้งลงถ้าสิ้นความหมาย

ตอนนี้ยังชื่นใจ จึงอยากคบไป

ถ้าเบื่อเมื่อใดสัมพันธ์แปรเปลี่ยน

ฉันไม่รู้เมื่อไร จะเป็นรายต่อไป

ที่ถูกทิ้งลงถ้าสิ้นความหมาย

ตอนนี้ยังชื่นใจ จึงอยากคบไป

ถ้าเบื่อเมื่อใดสัมพันธ์แปรเปลี่ยน

วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดินทีละก้าว กินข้าว ทีละคำ

บางทีนะ...คนเก่งๆ เค้าก็ทำตัวเหมือนกับพวกเรานี่แหละ

เดินทีละก้าว กินข้าว ทีละคำ ทำทีละอย่าง

พระราชดำรัส: หลักคิดของพ่อหลวงรัชกาลที่ 9 
ที่ใช้เตือนสติเวลาที่เรามีปัญหาถาโถมเข้ามา เริ่มเกิดความเครียด ก็คือ ค่อยเดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ แล้วทำทีละอย่าง

ค่อยๆ คิดค่อยๆ ทำเดี๋ยวมันก็เสร็จ และก็ให้คิดว่า เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างได้ เมื่อทำอย่างดีที่สุด และสุดความสามารถแล้ว หากจะเกิดปัญหาก็ต้องยอมรับและแก้ปัญหาไปทีละเรื่อง โดยไม่ต้องกังวลไปล่วงหน้า ทำสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุด


ฝึกที่จะ FOCUS งานก็จะสำเร็จไปทีละเรื่อง 
มีความคืบหน้า เริ่มเข้าสู่เป้าหมายใกล้ความสำเร็จ
ทะยอยก่อนแล้วค่อยทะยาน อยากจะทะยาน ใจร้อน รีบให้เสร็จเร็วผลงานออกมาไม่ดี งานที่ทำก็ฝึกจิตให้อดทน มุ่งมั่นกับสิ่งที่ทำ

ถึงเวลากินก็ต้องกิน 
ถึงเวลานอนก็ต้องนอน 
สุขภาพไม่แย่ 

สามารถแก้ปัญหาต่อไปได้ เพราะคนเราเก่งแค่ไหนก็กินข้าวได้ทีละคำ ค่ะ

ฉันเลือกจำแต่คนดีๆ



ในชีวิตฉันชอบจำแต่คนดีดี
 
  • ชีวิตฉันไม่มีพื้นที่
  • จดจำคนใจร้าย
  • จำไม่ได้จริงจริง
  • ก็ไม่รู้เลยว่าใคร
  • ที่โทรมามีเรื่องอะไร
  • เป็นอะไรมาคิดถึงฉัน

 
  • เราเคยรักกันเหรอ
  • รักแล้วเพราะใครถึงเลิกกัน
  • ถามเฉยเฉยเผื่อรู้ตัวการ
  • ไม่ตอบก็ไม่เป็นไร

จำ...ฉันจำแต่สิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นกับฉัน

ลืม..ฉันลืมไปแล้ว..ชื่อเธอ 

ขอโทษนะที่ไม่จำ



วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

มันดีกว่าที่คิด Ost. อกเกือบหักแอบรักคุณสามี | ระนาดเอก | Fino the Ranad





*มันดีกว่าที่คิด มันดีต่อหัวใจ

เพราะเธอเลยใช่ไหม หัวใจเลยปั่นป่วน

เคยปิดมันเอาไว้ไม่ให้ใคร สุดท้ายใจก็รวน

ยิ้มเธอคอยมาป่วน จนต้องรักเพียงแค่เธอคนเดียว



ก่อนนั้นอยากใช้ชีวิตลำพัง ไม่ต้องฟัง ไม่ต้องห่วงไม่ต้องแคร์อะไร

ชีวิตสบายไม่มีใครก็ไม่ตาย

I Don’t Cry.ไม่มีใคร ก็ไม่มีภาระ

ไม่ต้องจิ๊ไม่ต้องจ๊ะไม่ต้องมีนะครับ

จนวันนี้ได้รู้จักความรักก็เพราะเธอ



มีคนห่วงไยให้คอยคิดถึง เพิ่งรู้ว่ามันช่างดีแบบนี้

Oh Baby,I love you คำนี้เพิ่งเข้าใจ

ถ้ารู้แบบนี้คงจะรักนานแล้ว คู่กันไม่แคล้วไม่ต้องเหงาตาย

เพิ่งรู้ว่าหัวใจต้องการแค่เพียงเธอ



(ซ้ำ *)



Rap

ก็บอกไม่ถูกมันคือความรักใช่ไหม

แต่แบบว่าบอกไม่ได้แต่มันก็รู้สึกดี

บาทีก็ห่วงบางทีก็เศร้าบาทีก็เหงา

ภาพเธอคอยมาป่วนทำไงล่ะทีนี้

เฮ้อ...แต่มันก็ดีกว่าหายใจทิ้งไปวันวัน

ให้ใจมันสั่นก็หวั่นหวั่น

แต่มันก็ดีเหมือนกัน


หนีปัญหา

เช้านี้มีปัญหาที่ยากเกินจะแก้ไข

ชีวิตที่ปรึกษาเนี่ย...
บางครั้ง...บางที ก็ใช้วิธีการหนีปัญหามากกว่าการแก้ปัญหา55



เค้าเรียกว่าออกมาตั้งหลักต่างหาก

ดังคำพูดของท่านพลเอกชาติชาย ชณหะวัณ ที่กล่าวไว้ว่า 

ปัญหาในโลกนี้ มี 2 แบบ
แบบแก้ไขได้ กับ แบบแก้ไขไม่ได้


และพอดีมีวิชาหนึ่งซึ่งร่ำเรียนมาจากหนังสือ วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก

วิธีพาตัวเองออกจากกล่องใบเล็ก (Leadership and Self-Deception)

จึงคิดได้ว่า

หากเราต้องการเอาตะเกียบคีบภูเขาไฟ ... 

ล่ะก็

''ไม่เห็นจะยากเลย' เราแค่ถอยออกมาหลายๆ ก้าว 
มองไปที่ภูเขาไฟฟูจิ หยิบตะเกียบขึ้นมาใกล้ๆ ตา แค่นี้ ..."


#นักบัญชี  
#นักกฏหมาย
#ทนายความ

คนที่รับผิดชอบต้นเรื่องคงหนีไม่พ้น นักบัญชี


No alt text provided for this image

เรามาร้องเพลงตอนเด็กๆ พร้อมกันนะ 

ฝนเอยทำไมจึงตก..ทำไมจะไม่ตก...เพราะว่ากบมันร้อง
กบเอยทำไมจึงร้อง..ทำไมจะไม่ร้อง...เพราะว่าท้องมันปวด
ท้องเอยทำไมจึงปวด..ทำไมจะไม่ปวด..เพราะว่าข้าวมันดิบ
ข้าวเอยทำไมจึงดิบ..ทำไมจะไม่ดิบ..เพราะไฟมันดับ
ไฟเอยทำไมจึงดับ..ทำไมจะไม่ดับ..เพราะว่าฝนมันตก


เรามาวิเคราะห์ Root Cause Analysis (RCA) อย่างช้าด้วยการใส่ Why เข้าไป
หลังจากใส่ Why ไปแล้วก็วิธีแก้ปัญหา..ปัญหาของเรื่องนี้อยู่ตรงไหน..55

เอาฟื้นไปเก็บไว้ในที่ร่มดีไหมค่ะ 

เอาล่ะ นักบัญชีทั้งหลาย
เมื่อไหร่ที่ธุรกิจทำท่าจะเป็นสีเทาๆ 
เราก็ควรเอาตัวออกมานะคะ...

ศิวพร 2020/05/26



วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

นี่แหละฉัน Introvert Manager


เหตุใด....จึงไม่ชอบอธิบาย


เหตุใด...ฉันจึงไม่ชอบอธิบายสิ่งใดๆ กับใคร

#เหตุผล

เคยอธิบายแล้ว..ไม่มีใครเข้าใจอยู่ดี

อธิบายตอนที่คนฟังเค้ามีอคติมีประโยชน์อะไร
ในเมือคุณปักธง..ฉันไปแล้วว่าผิด..ก็เป็นไปตามนั้นเถิด

อธิบายหนึ่ง อธิบายสอง...คงไม่มีการอธิบายครั้งที่สามสำหรับฉัน

ที่เงียบไม่ได้แปลว่าไม่คิด
แต่ที่เงียบเพราะไม่รู้จะพูดซ้ำเพื่ออะไร


และถ้าคุณเชื่อในคำพูดของคนอื่น 
แล้วจะถามหาความจริงจากฉันทำไม ? 

คุณค่ะ

ฉันยังเป็นคนเดิม
คนที่คุณเคยรู้จัก

เป็นคนที่
นิ่ง เงียบ และเฉย

กับทุกเรื่องที่เป็นม

และยังคงอยากคุณให้เว้นระยะห่างระหว่างเราไว้

#เพื่อจะได้ไม่ต้องมีใครเจ็บและเสียใจเพราะรักอีก


วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เหตุใด บุญที่เราเคยทำไว้ ไม่เคยช่วยอะไรเราเลย





เรื่องนี้เกิดขึ้นในประเทศจีนสมัยโบราญ



มีชายคนหนึ่งมีจิตใจดีงาม ชอบทำบุญทำกุศล เป็นชีวิตจิตใจ เมื่อสมัยหนุ่มๆเคยร่ำรวยถึงขั้นเป็นเศรษฐีแต่ด้วยความศรัทธาในการทำบุญทำทาน ถ้ามีงานบุญใดที่เป็นสิ่งที่ดีงามแล้ว เมื่อได้รู้เข้าก็มีจิตศรัทธาเลื่อมใส ก็จะร่วมเป็นเจ้าภาพในงานบุญนั้นๆ เสมอ แถมทำบุญทีละมากๆทำอย่างเต็มที่ และสม่ำเสมอ



ไม่ช้าเงินทองทรัพย์สินที่หาไว้มากมาย ก็มีอันร่อยหลอลงไป มิหนำซ้ำสุดท้ายก็ยังขายทรัพย์สินไปทำบุญอีก สุดท้ายต้องยากจนจนไม่มีบ้านอยู่ แถมมีหนี้สินติดตัวมากมาย สุดท้ายจึงจำเป็นต้องนำภรรยาสุดที่รักไปใช้หนี้ โดยขายให้เป็นคนรับใช้ของเศรษฐีท่านหนึ่ง ก่อนจากกันด้วยความรักที่ภรรยามีต่อสามี นางจึงได้บอกแก่สามีว่า



“อย่าเสียใจไปเลย ท่านพี่ น้องเต็มใจและยินดีที่จะช่วยเหลือความเดือดร้อนของท่านพี่ ไม่ว่าอย่างไร ท่านพี่ ก็ดีต่อน้องเสมอมา น้องไม่เคยนึกเสียใจเลย การจากกันครั้งนี้เป็นเพราะความจำเป็นจริงๆ น้องเข้าใจ



แต่น้องอยากจะเตือนพี่ว่า



เงินที่เหลือจากการใช้หนี้สินครั้งนี้ น้องอยากให้พี่เก็บไว้ใช้ซื้ออาหารและสิ่งจำเป็น อย่านำไปทำบุญอีก เพราะว่าเป็นเงินก้อนสุดท้าย ซึ่งมีเงินเหลืออยู่ไม่มาก ถ้าเงินหมดก็จะทำให้พี่ลำบากถึงที่สุด เพราะทรัพย์สินของท่านพี่ไม่มีเหลือแล้ว ญาตพี่น้องที่จะช่วยเหลือก็ไม่เห็นมี เชื่อน้องนะท่านพี่ น้องเตือนด้วยความหวังดีจริงๆ” นางกล่าวทั้งน้ำตา ก้มหน้าแล้วเดินตามคนของเศรษฐีไป



ชายคนนั้นยืนร้องไห้ ดูภรรยาเดินจากไปเป็นคนรับใช้ของเศรษฐีด้วยความเศร้าใจ



แต่แล้วไม่นานชายคนนั้นก็นำเงินที่มีอยู่ไม่มากไปทำบุญอีก ตอนนี้จึงกลายสภาพเป็นขอทานหากินเร่ร่อนไปตามตลาด แหล่งชุมชน บ้านเรือน เป็นที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นทั่วไป และผู้รู้ถึงที่มาที่ไปของชายคนนั้น ต่างก็ร่ำลือกันไปว่าทำดีแล้วไม่เห็นจะมีความดีมาสนองต้องกลับกลายเป็นยาจกเข็ญใจแบบนี้ ต่อไปคงไม่มีคนคิดทำความดีกันอีกแล้ว



เรื่องนี้ร้อนไปถึงสวรรค์เบื้องบน บรรดาเทวดาที่ได้ยินคำร่ำลือ และ ทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชายคนนั้นก็มาร่วมประชุมกันหาทางที่จะช่วยเหลือ



“ข้าได้ตรวจสอบดูแล้ว ชายคนนี้ในอดีตชาติได้ทำกรรมหนักมากเอาไว้ สุด ที่จะแก้ไขได้ในชาตินี้และจะต้องทนทุกข์เวทนาแบบนี้ต่อไปทั้งหมดสามชาติ คือ ชาตินี้จะต้องอดตาย ชาติต่อมาจะถูกฟ้าผ่าตาย ชาติสุดท้ายก็จะถูกเสือกัดตาย น่าเวทนาจริงๆ”



เหล่าเทวดาจึงลงมติกันว่าจะช่วยให้ชายผู้นี้ใช้กรรมให้หมดกันใจชาตินี้ ชาติเดียวก็พอ



เนื่องจากช่วงนั้นเกิดความแห้งแล้งและยากจนในหมู่บ้าน ชายผู้นั้นจึงไม่สามารถขออาหารมากินได้อยู่หลายวันร่างกายซูบผอม จนแทบไร้เรี่ยวแรงพยุงตัวเอง เขาตัดสินใจเดินโซเซออกจากที่พักเดินไปสู่หมู่บ้านเพื่อขออาหารกินประทังชีวิต ทันใดก็เกิดพายุเมฆฝนหอบเอาทั้งฟ้าทั้งฝนมาแบบไม่ตั้งตัว แล้วก็เกิดร้อง และเกิดฟ้าผ่ามาถูกชายคนนั้นพอดี ร่างกายที่เสื้อผ้าขาดวิ่น ดำไหม้จากแรงฟ้าผ่า เขานอนสลบแน่นิ่งไปไม่ไหวติง เผอิญมีเสือตัวใหญ่ออกมาจากป่าข้างทางตรงเข้ากัดลำคอจนชายผู้นั้นหมดลมหายใจ และกัดกินร่างไร้ชีวิตนั้น กระจุยกระจายดุจเป็นซากสัตว์เป็นภาพที่น่าเวทนาแก่ผู้พบเห็นยิ่งนัก



ภรรยาของชายคนนั้นเมื่อได้มาอยู่บ้านเศรษฐีก็ทำหน้าที่แม่บ้าน มิได้มีลำบากอย่างที่คิดเอาไว้ แถมยังสุขสบายกว่าตอนที่ต้องเป็นหนี้สินอยู่กับชายคนนั้นเสียอีก แต่เมื่อครั้นได้ข่าวว่าสามีของตนเสียชีวิตแล้ว ก็มีความสงสาร จึงขออนุญาตเศรษฐีเพื่อเดินทางมาจัดงานศพให้สามีเป็นครั้งสุดท้าย



ในงานศพวันสุดท้าย ด้วยความเสียใจและสงสารสามี ก่อนจะนำศพลงฝังในหลุม นางได้เอ่ยขึ้นว่า



“เวรกรรมอะไรกันหนอทำให้ท่านต้องเผชิญเคราะห์กรรมถึงเพียงนี้ บุญที่ท่านทำไว้ ไม่ได้ช่วยท่านเลย ๆ” พูดพลางน้ำตานางก็ไหลเป็นทาง สะอึกสะอื้นด้วยความเวทนาอย่างสุดจะหักห้ามใจได้



นางตัดสินใจกัดนิ้วตัวเอง แล้วใช้เลือดที่ไหลออกมาเขียนที่หน้าผากสามีไว้ว่า “บุญ ไม่ ช่วย” แล้วจึงทำการฝังศพ และ นางได้อยู่จนจัดงานพิธีเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้วจึงกลับไปหาท่านเศรษฐีดังเดิม



ต่อมาไม่นานฮ่องเต้ของแผ่นดินจีนท่านทรงดีพระทัยมาก ที่พระมเหสีได้ให้กำเนิดพระราชโอรสองค์แรก อันเป็นความหวังว่าจะได้สืบทอดราชบรรลังค์ของกษัตริย์สืบต่อไป แต่ไม่นานก็ทรงกังวลพระทัยเพราะทารกน้อยที่เกิดมา ทรงร้องไห้ตลอดเวลา ปลอบอย่างไรก็ไม่ยอมหยุด มิหนำซ้ำบนหน้าผากก็มีอักษรเขียนไว้ด้วยว่า “บุญ ไม่ ช่วย” ไว้ด้วย



ฮ่องเต้ได้ทรงปรึกษาโหรหลวง ๆ ก็ได้แนะนำให้ป่าวประกาศว่าผู้สามารถทำให้พระราชโอรสหยุดร้องไห้ได้ จะมอบรางวัลให้แล้วแต่จะขอ และ ยังได้บรรยายไว้ว่าบนหน้าผากทารกมีลักษณะพิเศษคือมีคำสามคำ คือ บุญ ไม่ ช่วย อยู่ด้วย



ไม่นานข่าวก็มาถึงภรรยาของชายคนนั้น นางจึงได้เข้าเฝ้าและขอดูทารกเพื่อให้แน่ใจ เมื่อนางได้ดูตัวอักษรที่อยู่บนหน้าผากเป็นลายมือของตน จึงแน่ใจว่าชายผู้เป็นสามีได้มาเกิดเป็นพระราชโอรสของกษัตริย์แล้ว จากการทำความดีชนิดหาคนเทียบไม่ได้เลย นางจึงกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า



“หยุดร้องไห้เสียทีเถอะ ข้ารู้แล้ว ๆบัดนี้บุญที่ท่านทำไว้ได้ส่งผลดีให้กับท่านแล้ว เงียบเสียเถิด”



ว่าพลางนางใช้มือลูบไปที่หน้าผาก พลันตัวอักษรก็หายไปในทันที ทารกก็หยุดร้องไห้ทันที เป็นที่อัศจรรย์แก่ผู้ที่ยืนดูอยู่ยิ่งนัก



ฮ่องเต้จึงถามว่า



“ท่านต้องการอะไร ข้าจะประทานให้ทุกอย่าง”

“ข้าไม่ต้องการเงินทองทรัพย์สินสิ่งใด เพียงขอให้ได้ดูแลปรนนิบัติ เจ้าชายน้อย ข้าก็พอใจมากแล้ว”

นางตอบ

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอแต่งตั้งเจ้าดำรงตำแหน่งเป็นพี่เลี้ยงของพระโอรสของข้า เจ้ามีอิสระสามารถจะเข้าออกส่วนต่างๆในวังได้ตลอดโดยไม่มีข้อห้ามแต่ประการใด”



ตั้งแต่นั้นมาภรรยาของชายคนนั้นก็อยู่อย่างมีความสุข จากการเป็นอยู่ที่สุขสบายและได้ดูแลพระโอรสจนเติบใหญ่ขึ้นมา

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

ผ่าน : Slot machine



" ไม่ว่าเจอสิ่งใด เนิ่นนานไปก็แปรเปลี่ยน..สักวัน เคยวิ่งตามความฝัน แต่บางครั้งก็ต้องหยุด..แค่นั้น เมื่อก่อนเคยรัก..เคยผูกพัน แต่มาวันนี้มันเป็นเพียง คนเคยได้รู้จักกัน วันนี้มีสุขใจ แต่ต่อไปสักวันคง..วุ่นวาย หากความทุกข์ทนจางหาย อาจมองเห็นความสุข..อีกครั้ง จึงทำให้ฉัน ได้เข้าใจ ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร ฉันจะก้าวเดินต่อไป อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ วันที่ทำผิดไป อาจเจอใครที่เข้าใจ สักคน ในความมืดมนสับสน อาจเจอคนที่จริงใจ ไม่ยากนัก จึงทำให้ฉัน ได้มั่นใจ ทุกสิ่งเปลี่ยนผันสักเท่าไร ฉันจะก้าวเดินต่อไป ในความมืดมิดยังมี..ดวงดาว และแดดยามเช้าพาให้เรา..ก้าวไป อย่าลืมเรื่องราวที่ผ่านที่เคยได้เจ็บช้ำ ยังมีเรื่องราวที่ดีที่เคยได้จดจำ เก็บคืนและวันที่ผ่านที่เคยได้ปวดร้าว ยังมีเรื่องราวที่ดีที่รอให้จดจำ"

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เธอคือพรหมลิขิต

เพราะเธอคือพรหมลิขิต

ถึงแม้คุณจะไม่คิดถึงฉัน...แต่ฉันระลึกถึงคุณทุกวัน

เป็นอย่างไรบ้างนะ
ร้านยังพอขายได้ไหม
เธออยู่ดีรึเปล่า
คนรักของคุณเค้าทำคุณเจ็บซ้ำน้ำใจหรือไม่


ผู้ชายอ่อนไหวเช่นคุณ...คงชอบให้ผู้หญิงอ้อน
แต่ฉันไม่มีนิสัยเช่นนั้น

เราต่างกัน
ต่างตรงที่ว่า คุณลืม ฉันจำ


เด็กหญิงกับเด็กน้อย

รองเท้าเด็กน้อยถูกคลื่นทะเลซัดหายไป..เด็กน้อยเขียนที่ริมหาดว่า.." ทะเลคือขโมย "
.อีกชายฝั่งของทะเลชาวประมงหาปลาได้เป็นจำนวนมาก..ชาวประมงเขียนที่หาดทรายว่า...  " ทะเลคือผู้ให้ "
.ชายหนุ่มคนหนึ่งจมทะเลตาย..แม่ของเขาเขียนที่ชายหาดว่า.. " ทะเลคือฆาตกร "
.ชายชราเดินหลังค่อม ก้มหน้าเดินถือไม้เท้า พบไข่มุกอันล้ำค่า จึงเขียนว่า.. " ทะเลคือผู้เมตตา "
.ทันใดนั้น " คลื่น " ได้ซัดยังชายฝั่งและลบการเขียนทั้งหมด ! พร้อมกล่าวขึ้นเบาๆ ว่า..
."อย่าไปสนใจคำตัดสินของผู้อื่น หากเจ้าคิดจะเป็นทะเล "
.อย่าไปวิตกกับสิ่งที่ผ่านมา ความพ่ายแพ้ หรือความผิดหวัง ความสุข หรือความทุกข์  เพราะหากชีวิตมนุษย์จะเรียบง่าย คงไม่เริ่มต้นด้วยการร้องไห้เมื่อแรกเกิด
.คนเรา " เกิดมา " พร้อมกับเสียงร้องไห้ของตัวเอง แต่ " ตายไป " พร้อมกับเสียงร้องไห้ของผู้อื่น ช่วงเวลาระหว่างนั้น เรียกว่า " ชีวิตคน "
.แมวชอบกินปลา แต่แมวลงน้ำไม่ได้ ปลาชอบกินไส้เดือน แต่ขึ้นฝั่งมากินไส้เดือนไม่ได้  ชีวิตคนเรา " มีได้ - มีเสีย " มีทั้ง "ได้เลือก" และต้อง "ล้มเลิก"
.ในชีวิตคนเราไม่มีทางที่ทุกอย่างจะเป็นไปดั่งใจนึกได้หมด
.จงอย่าไปคิดเล็กคิดน้อยกับใครเพราะมันไม่คุ้มจงอย่าจริงจังกับ ตัวเองเกินไปเพราะจะทำร้ายตัวเองจงอย่าไปจมอยู่แต่อดีตเพราะมันไม่ได้อะไรขึ้นมา..
.จงอย่าจริงจังกับปัจจุบันมากไปเพราะชีวิตยังคงต้องเดินต่อไป..
.ในโลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นของๆ เรานอกจากสุขภาพกายที่แข็งแรง (อันมาจากสุขภาพใจที่เข้มแข็ง เปี่ยมกำลังใจ)
.อย่าได้อวดเรื่องเงินเรื่องทอง ตายไปก็กลายเป็นเพียงเศษกระดาษ
.อย่าได้อวดเรื่องหน้าที่การงานลาออกไปแล้วจะมีคนมาแทนที่คุณและอาจทำได้ดีกว่าคุณ
.อย่าอวดเรื่องบ้านเรื่องรถตายไปแล้วก็เป็นของทายาท..คุณหมดเวลา
.คุณอวดเรื่อง"สุขภาพแข็งแรง"จะดีกว่าคนอื่นตายไปแล้วคุณยังนอนเล่นริมทะเลนั่งจิบชามองดูลูกหลาน..อย่างมีความสุขและเข้าใจในชีวิต.
             "10 ปี 7 ครั้ง"
 ค่อยๆตั้งใจอ่าน
เปิดใจรับแล้วจะพบแต่ความสุขที่ได้เกิดมาบน โลกใบนี้.....

"ชีวิตคนเราจะมีสิบปีสักกี่ครั้งกัน"
ชอบประโยคนี้มากมันจริงอย่างยิ่งถ้าคนเราอายุเฉลี่ย 70 ปี
เราก็มี 10 ปีแค่ 7 ครั้ง
1. สิบปีแรก...หมดไปกับความไร้เดียงสา
2. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการศึกษาเล่าเรียน
3. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการทำงานและการใช้ชีวิต
4. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการสร้างฐานะ สร้างครอบครัว
5. สิบปีต่อมา...หมดไปกับการลงหลักปักฐาน รักษาสิ่งที่หามา 
6.สิบปีต่อมา...หมดไปกับการดูแลรักษาสุขภาพกายใจให้แข็งแรง
7.สิบปีสุดท้าย...หมดไปกับการปล่อยวางทุกสิ่งรอคอยการกลับบ้าน
แต่ละสิบปีผ่านไป...ไวเหมือนโกหกอีกไม่นานปีนี้ก็จะผ่านไป
มีอะไรที่เราทำไปแล้วมากมายและก็ยังมีอะไรอีกมากมายที่เรายังไม่ได้ทำ

*** เวลา คือ หน่วยเงินในกำมือของเราที่เอาไปแลกสิ่งอื่น

- เราเอาเวลาไปแลกงาน
- เราเอางานไปแลกเงิน
- แต่เราก็ไม่เคยเอาเงินไปแลกเวลาคืนกลับมาได้สักทีถ้า 'ธนาคารเวลา'มีจริงเราก็ไม่เคยมีสมุดบัญชีสักเล่มที่จะให้เราดูได้..ว่าตอนนี้เหลือเวลาอยู่เท่าไหร่?

*** เรารู้ว่าเราใช้"สิบปี"ของเราไปกี่ครั้งแล้วแต่เราไม่อาจรู้ว่า...
เราจะใช้"สิบปี"ที่เหลือของเราได้ครบมั้ยแต่นั่นก็ไม่สำคัญเท่ากับเราใช้เวลาสิบปีของเราไปคุ้มค่าหรือเปล่าเมื่อเราหันหลังกลับมาขอให้พูดได้เต็มปากว่าเราใช้มันไปอย่างไม่น่าเสียดาย

   ชี วิ ต ค น เ ร า จ ะ มี "สิ บ ปี" สั ก กี่ ค รั้ ง กั น?
  ใช้สิบปี เจ็ดครั้งของเรา ใ ห้ คุ้ ม ค่า     
   
สวัสดีกับสิบปีปัจจุบันของท่าน 
เขียนดีมาก อ่านให้จบ คุณอาจจะหัน มารักตัวเอง...

สรุป: ชีวิตที่เรียบง่าย ให้สนุกกับการใช้ชีวิต 30% ที่เป็นของคุณ
- ไม่เจ็บปวดแต่ก็ต้อง บำรุง
- ไม่กระหายแต่ก็ต้อง ดื่มน้ำ
- ว้าวุ่นแค่ไหนก็ต้อง ปล่อยวาง 
- มีเหตุมีผลแต่ก็ต้อง ยอมคน 
- มีอำนาจแต่ก็ต้องรู้จัก ถ่อมตน
- ไม่เหนื่อยแต่ก็ต้อง พักผ่อน
- ไม่รวยแต่ก็ต้อง รู้จักพอเพียง
- ธุระยุ่งแค่ไหนก็ต้องรู้จัก พักผ่อน
- หมั่นเตือนตน : ชีวิตนี้สั้นนัก

# อยากกิน...กิน
# อยากเที่ยว....เที่ยว
# เรื่องกลุ้มอย่าเก็บไว้
# ไม่เครียด ปล่อยวาง
# สุขสบายทุกเพลา

@ เวลาที่ยังจับมือไหว
ให้เชิญเพื่อนมาสังสรรค์
หรือออกไปสังสรรค์กับเพื่อนๆบ้าง

@ เวลาที่ยังกอดไหว
ให้โอบกอดให้ชื่นใจ

@ ทำหน้าที่พ่อ แม่ ลูก สามี ภรรยา
พี่ น้อง และเพื่อนที่ดีต่อไป

@ ครอบครัวสุขสรรค์ มาก่อนเสมอ !!!
@ เวลาที่อยู่ด้วยกัน
อย่าได้โกรธกันง่ายๆ
- ที่สำคัญ ต้องเป็น "ผู้ให้" ก่อนเสมอ
เต็มใจ - สุขใจ ที่เป็นผู้ "ให้"
- รู้จัก "ขอโทษ" และ  "สำนึกผิด"
ทุกครั้งที่ทำ "ผิด"
- ท้ายสุด "ปล่อยวาง" และ "พอเพียง"
*** คิดดี  ทำดี  พูดดี...มีสุข

วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

จนกว่าเราจะพบกันใหม่

เชื่อว่า หากเรายังผูกพันธ์กับใคร

เราจะได้กลับมาพบกับคนคนนั้นอีก

รอนะ รอเพื่อจะพบกันใหม่


ฉันจะจดจำทุกเรื่องราวระหว่างเรา
และจะเล่าให้เธอฟังในวันที่เราได้พบกันอีกครั้ง

#คิดถึงนะคนบนฟ้า

วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

[แนะนำ] ผศ.ดร. กฤษฎา ตันเปาว์ นักวิชาการอิสระ

[แนะนำ] ผศ.ดร. กฤษฎา ตันเปาว์ นักวิชาการอิสระ

หลักสูตรการบริหารจัดการ ตอน บริหาร EGO ในตนเอง เพื่อความก้าวหน้าในการงาน...

หลักสูตรการบริหารจัดการ ตอน การตัดสินใจ หัวใจความสำเร็จของผู้จัดการ [EP3...

หลักสูตรการบริหารจัดการ ตอน การตัดสินใจ หัวใจความสำเร็จของผู้จัดการ [EP3...

วันศุกร์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

สิ่งที่เป็นตัวฉัน

ชอบฟังเพลงของ 

ILLSLICK 

เช่น Best thing


ชอบดูหนัง

แนวอีโรติก

เช่น ชั่วฟ้าดินสลาย


ชอบผู้ชาย

สายดาร์ก

เช่น โชเซ่ มูรินโญ่



นี่แหละตัวฉัน

วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เตือน "10 ฮวงจุ้ย" ห้ามมีเด็ดขาด เงินทองรั่วไหล มีเท่าไหร่ ก็เก็บไม่อยู่





10 ฮวงจุ้ย" ห้ามมีเด็ดขาด เงินทองรั่วไหล มีเท่าไหร่ ก็เก็บไม่อยู่

835,435 views
Jan 14, 2019
SUBSCRIBED
เตือน "10 ฮวงจุ้ย" ห้ามมีเด็ดขาด เงินทองรั่วไหล มีเท่าไหร่ ก็เก็บไม่อยู่
1. มีแหล่งน้ำกลางบ้าน
1. มีแหล่งน้ำกลางบ้าน

ที่บ้านของคุณมีแหล่งน้ำอยู่ตรงจุดศูนย์กลางของบ้านหรือเปล่า เช่น

– ห้องน้ำ
– ตู้ปลา
– อ่างน้ำพุ
– บ่อน้ำ

ถ้าตั้งอยู่บริเวณจุดศูนย์กลางของบ้าน ถือว่าไม่ดีมากๆ เพราะความชื้นที่สะสม จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพและโชคลาภของคุณ ทำให้มีเหตุที่จะต้องเสียเงินอยู่บ่อย ๆ

วิธีแก้ไข

– ถ้าเป็นสิ่งของที่สามารถทำการเคลื่อนย้ายได้ ก็ให้เคลื่อนย้ายออกไปจากบริเวณจุดศูนย์กลางของบ้าน
– ถ้าเป็นห้องน้ำ ให้นำม่านหรือมู่ลี่ติดหน้าประตูห้องน้ำ ปิดฝาชักโครก ปิดประตูห้องน้ำตลอดเวลา และแนะนำให้นำกระถางต้นไม้ประเภทไม้ใบ ไปตั้งไว้ในห้องน้ำ ให้ตักเกลือ 2 ช้อนโต๊ะใส่ถ้วยเล็กๆ แล้วนำไปวางไว้ด้านข้างชักโครกเพื่อดูดกลิ่น และดูดความชื้น

2. ตั้งหิ้งบูชาเหนือขอบประตู

ตำแหน่งที่เหมาะกับการตั้งหิ้งบูชา คือบริเวณที่ค่อนข้างเงียบสงบ และต้องตั้งในที่ที่มีผนังทึบตัน หรือให้หลังหิ้งพระมีที่พิงอันมั่นคงแน่นหนา
การตั้งหิ้งบูชาไว้เหนือขอบประตูถือว่าเป็นจุดเสีย เพราะบริเวณนั้นมีคนเดินผ่านไปมา มีพลังการเคลื่อนไหว จะส่งผลเสียต่อพลังศักดิ์สิทธิ์ ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยมีแต่ความเสื่อมถอยมากกว่าความเจริญ

วิธีแก้ไข

– ควรย้ายมุมจัดตั้งหิ้งบูชาไปไว้ผนังด้านอื่น และควรให้หิ้งหันหน้าไปทางประตูหน้าบ้านจึงจะมีผลดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการทำมาค้าขาย
3. เตียงอยู่ใต้คาน

ไม่ควรวางเตียงไว้ใต้คาน เพราะถือว่าเป็นจุดที่ไม่ดี พลังกดทับจากคาน จะมีผลต่อสุขภาพ ทำให้ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง เจ็บป่วยได้ง่าย อาจปวดศีรษะและแน่นหน้าอกได้บ่อยๆ คู่สมรสมักจะเกิดความไม่ลงรอยกัน ทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ตลอดเวลา และจะมีผลมากที่สุดหากคานมีขนาดใหญ่ และอยู่ห่างจากตัวเราไม่เกิน 2.5 เมตร

วิธีแก้ไข

– ควรย้ายเตียงไปอยู่ในตำแหน่งอื่นให้พ้นจากคานนั้น
– หากไม่สามารถทำได้ ให้ตีฝ้าปิดคานนั้นเสีย
– ใช้ผ้าผืนใหญ่ขนาดเท่ากับความกว้างของเตียง ปิดเหนือเตียง เพื่อไม่ให้เห็นขื่อคานนั้น และเป็นการกระจายพลังงานที่กดทับของคานให้ลดน้อยลง

4. เสาไฟฟ้าตั้งอยู่หน้าบ้าน

หากว่ามีเสาไฟฟ้าตั้งอยู่ตรงกับหน้าบ้านพอดี ถือว่าเป็นลักษณะที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้บ้านของคุณขาดพลังความสมดุล มีผลให้สภาพจิตใจไม่ปรกติ โมโห หงุดหงิดง่าย และมักออกอาการเกรี้ยวกราดง่ายอยู่เสมอ ทำให้ขาดโชคลาภ
หากมีเสาไฟฟ้าแรงสูงอยู่ด้านหน้าบ้าน หรือด้านข้างของบ้าน พลังของคลื่นไฟฟ้าจะส่งผลต่อระบบเลือดภายในร่างกาย ทำให้เลือดหนืด เม็ดเลือดอาจผิดปกติ เกิดโรคที่หาสาเหตุไม่ได้ หรือโรคเรื้อรัง

วิธีแก้ไข

– ให้หาลูกแก้วคริสตัลหรือโมบายมาแขวนหน้าประตูบ้าน เพื่อช่วยสะท้อนและกระจายสิ่งที่ไม่ดีให้ออกไปจากบ้าน
– ไม่ควรนอนในห้องที่อยู่ใกล้เสาไฟฟ้า
– ปลูกต้นไม้ให้สูง บังเสาไฟฟ้า
– ติดธงชาติ ให้โบกสะบัด พัดพลังงานให้กระจาย

5. หันหัวเตียงติดห้องน้ำ

การตั้งหัวเตียงไปชิดกับผนังด้านที่เป็นห้องน้ำถือว่าไม่ดีอย่างยิ่ง และถ้ายิ่งจุดที่ตั้งของชักโครกตรงกับหัวเตียงด้วยแล้วยิ่งไม่ดีอย่างมาก เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยมีอารมณ์แปรปรวนง่าย อารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย ถ้าห้องน้ำไม่มีแดดส่งถึง จะทำให้เป็นโรคภูมิแพ้ หอบ หืด โชคลาภก็พลอยหดหายไปด้วย

วิธีแก้ไข

– ควรย้ายหัวเตียงหันไปทางอื่น
– หากไม่สามารถหันได้ ให้ทำฉากกั้น ขึ้นมาอีกชั้นหนึ่ง เพื่อให้เตียงอยู่ห่างจากผนัง และไม่ได้ยินเสียงในห้องน้ำ รวมทั้งป้องกันความชื้นที่ส่งมายังศีรษะเวลานอนด้วย

6. ตั้งโต๊ะทำงานหันหลังให้ประตู

หากใช้ทาวน์เฮาส์ ตึกแถว หรือคอนโดมิเนียม ทำเป็นสำนักงาน การจัดวางโต๊ะทำงาน อย่าตั้งโต๊ะทำงานโดยที่เมื่อนั่งทำงานแล้วหันหลังให้กับประตู เพราะจะทำให้ไม่สามารถทำงานได้อย่างราบรื่น

วิธีแก้ไข

– ควรย้ายมุมโต๊ะใหม่ หรือหากระจกเงามาติดไว้ข้างหน้า ให้ส่องไปทางด้านหลังให้เห็นประตูเปิดปิดได้ หากเป็นไปได้ควรย้ายโต๊ะทำงานให้อยู่ในลักษณะหันข้างหรือหันหน้าให้เห็นประตูจะดีกว่า

7. กระจกร้าวในบ้าน

ลองตรวจสอบภายในบ้านของเราดูว่า มีกระจกบานใดที่มีรอยร้าว รอยแตก บิ่น หรือไม่ เพราะกระจกดังกล่าวถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่ดีนัก เพราะว่าจะทำให้ความสัมพันธ์ของคนในบ้าน จะมีแต่ความร้าวฉาน ไม่รักใคร่ปรองดองกัน เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันอยู่ตลอดเวลา บ้านไหนที่มีการทะเลาะกัน โชคลาภ การเงินจะหนีหายไปหมด

วิธีแก้ไข

– ควรเปลี่ยนกระจกที่มีรอยร้าวเอาทิ้งไป
– ผนังปูนที่มีรอยร้าว ควรซ่อมแซมให้เรียบเนียนด้วยเช่นกัน